svasdssvasds

"กรีนพีซ" เปิดอันดับมลพิษทางอากาศของโลก "ไทย" รั้งที่ 23 อึ้ง 10จังหวัดติดโผอาเซียน

"กรีนพีซ" เปิดอันดับมลพิษทางอากาศของโลก "ไทย" รั้งที่ 23 อึ้ง 10จังหวัดติดโผอาเซียน

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศโลก พ.ศ. 2561 คาดการณ์ว่ามลพิษทางอากาศมีส่วนในสาเหตุของการตายก่อนวัยอันควรถึง 7 ล้านคนในปี 2562 ในขณะที่ต้นทุนทางเศรษฐกิจโลกมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ[1][2] ข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมในรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศโลกปี พ.ศ. 2561 (IQAir AirVisual 2018 World Air Quality Report) และการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดในโลกเชิงปฎิสัมพันธ์ (interactive)นี้ จัดทำขึ้นโดย IQAir AirVisual และเผยแพร่ข้อมูลโดยกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์มลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5)ในปี 2561ที่กระจายตัวอย่างกว้างขวาง แต่ไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่และประชาชนยังถูกจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล [3][4][5]

ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า“มลพิษทางอากาศส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเรา ทั้งด้านสุขภาพและการเงิน การประเมินค่าใช้จ่ายในการสูญเสียแรงงานทั่วโลกมีถึง 225,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์หลายล้านล้านเหรียญสหรัฐ เราต้องการให้รายงานฉบับนี้สร้างความตระหนักให้ประชาชนถึงอากาศที่เราหายใจ เพราะเมื่อเราเข้าใจถึงผลกระทบจากคุณภาพอากาศในชีวิตของเรา เราจะสามารถปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดได้”

ในปี พ.ศ. 2561 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 23 ของโลก ในฐานะประเทศที่มีความเข้มข้นเฉลี่ยรายปีของ PM2.5 มากที่สุด หากเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีค่าคุณภาพอากาศที่แย่เป็นอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม มี 10 จังหวัดในไทยที่ติดอยู่ในการจัดอันดับ 15 เมืองที่มีมลพิษ PM2.5 สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แฟรงค์ แฮมเมส ประธานบริหารของ IQAir กล่าวว่า

“รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศโลกปี พ.ศ. 2561นำเสนอข้อมูลคุณภาพอากาศที่รวบรวมและตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศนับหมื่นแห่งทั่วโลก ขณะนี้ทุกคนที่มีโทรศัพท์มือถือสามารถเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศได้ฟรีผ่านแพลตฟอร์ม AirVisual แพลตฟอร์มนี้เป็นตัวสร้างความต้องการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศสำหรับเมืองหรือภูมิภาคที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ชุมชนและองค์กรในหลายเมือง อย่างแคลิฟอร์เนีย หรือแม้แต่คาบูลเมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถานมีส่วนช่วยให้เกิดการตรวจสอบของภาครัฐด้วยการใช้เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพอากาศราคาถูกของเขาเอง และทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มากขึ้นในระดับท้องถิ่นได้”

ข้อมูลในรายงานรวมถึง

ในเอเชียใต้: 18 จาก 20 เมืองมีมลพิษมากที่สุดในโลก อยู่ในอินเดีย ปากีสถานและบังคลาเทศ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่มองไม่เห็นจากเครือข่ายสาธารณะแห่งแรกของปากีสถาน[6]

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: จาการ์ตา และฮานอย เป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเมืองที่รายล้อมด้วยโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นจำนวนมากที่สุดในภูมิภาค ในขณะที่กรุงปักกิ่งมีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นจึงส่งผลให้จาการ์ตามีความเสี่ยงที่จะมีมลพิษทางอากาศสูงแทนเมืองหลวงของจีนในไม่ช้า

ในประเทศจีน: ความเข้มข้นเฉลี่ยของมลพิษทางอากาศในเมืองต่าง ๆ ในจีนลดลงร้อยละ 12 จากปีพ.ศ. 2560-2561 ในขณะที่กรุงปักกิ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 122 ของเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกในปี 2561

ในแถบคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก: 10 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในแถบคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก คือ บอสเนียเฮอร์เซโกวีนา มาซิโดเนียและโคโซโว และ 4 แห่งในตุรกีมีระดับมลพิษ PM 2.5 มากกว่า 3 เท่าของคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 8 เมืองในบอลข่านเป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกคิดเป็นร้อยละ 10 ของเมืองทั้งหมดที่มีข้อมูล

ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา: แม้ว่าคุณภาพอากาศโดยเฉลี่ยจะดีเมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลก ประวัติการเกิดไฟป่ามีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพอากาศ 5 ใน 10 เมืองที่มีมลพิษทางอากาศมากที่สุดในโลกช่วงเดือนสิงหาคมอยู่ในอเมริกาเหนือ

ประชากรจำนวนมากรวมถึงปะชากรในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ยังไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานการวัดคุณภาพอากาศที่เพียงพอ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ผลกระทบของมลพิษทางอากาศเลวร้ายลง โดยมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการขยายบริเวณไฟป่า[7] นอกจากนี้ตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกคือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล[8] ดังนั้นการแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศของเราได้อย่างมาก

“ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาด้านมลพิษทางอากาศจากฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ซึ่งขณะนี้ได้ หน่วยงานท้องถิ่นและรัฐบาลระดับชาติสามารถช่วยจัดการกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศได้โดย

ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานในการตรวจสอบและรายงานผลมลพิษทางอากาศได้ สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดถึงต้นตอของปัญหามลพิษทางอากาศคือการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างเช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ และเลวร้ายลงจากการตัดไม้ทำลายป่า สิ่งที่เราต้องการเห็นคือผู้นำของเรากำลังคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสุขภาพและสภาพภูมิอากาศโดยการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และในขณะเดียวกันต้องมีการรายงานคุณภาพอากาศที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและสภาพภูมิอากาศ” ธารากล่าวเสริม

กรีนพีซเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษและกระทรวจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการยกร่างมาตรฐานในบรรยากาศของ PM2.5 ขึ้นใหม่สำหรับประเทศไทยโดยกำหนดค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เป็น 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีเป็น 12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภายในปี พ.ศ. 2562 และกำหนดมาตรการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายอาเซียนปลอดหมอกควัน HAZE-FREE 2020 อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม

ประชาชนสามารถร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้ดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศได้ที่ www.greenpeace.or.th/right-to-clean-air

related