svasdssvasds

สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทหารสามเหล่าทัพยิงสลุตหลวงพิเศษ งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562

กองทัพบก นำปืนใหญ่โบราณ 4 กระบอก ออกมาร่วมด้วยกองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ บริเวณท้องสนามหลวง

กองทัพเรือ โดยฐานทัพเรือกรุงเทพ ทำการยิงสลุต ณ บริเวณป้อมวิชัยประสิทธิ์ ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม

กองทัพอากาศ โดยกรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน  ทำการยิงสลุต บริเวณโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช

สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

ในวันที่ 4 พฤษภาคม จะทำการยิง 3 ช่วง

ช่วงแรก เวลา 10.09 น. ยิงสลุตหลวงพิเศษ จำนวน 101 นัด เริ่มยิงเมื่อ เลขาธิการพระราชวังไขสหัสธาราอันเจือด้วยด้วยน้ำเบญจคงคาและน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 4 สระ

ช่วงที่ 2 เวลา 10.59 น.จำนวน 101 นัด ยิงเมื่อ พระราชพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ทูลเกล้าฯ ถวายพระสุพรรณบัฏ ปืนโบราณ 4 กระบอก จะทำการยิงกระบอกละ 10 นัด (รวมเป็น 40 นัด) ขณะเดียวกัน ปืนใหญ่จะทำการยิงสลุตจำนวน 101 นัด

ช่วงที่ 3 เวลา 14.20 น. ยิงสลุตหลวง 21 นัด เริ่มยิงเมื่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งพุดตานกาญนสิงหาสน์ โดยปืนใหญ่จะทำการยิงสลุตจำนวน 21 นัด

วันที่ 5 พฤษภาคม

เวลา 16.30 น. ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เริ่มยิงเมื่อมีการยาตราริ้วขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค โดยปืนใหญ่จะทำการยิงสลุตจำนวน 21 นัด

วันที่ 6 พฤษภาคม

เวลา 16.30 น. ยิงสลุตหลวง จำนวน 21 นัดเริ่มยิงเมื่อเสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท โดยปืนใหญ่จะทำการยิงสลุตจำนวน 21 นัด

 

ข้อแตกต่างของการยิงสลุตหลวง กับการยิงปืนใหญ่ คือ

การยิงสลุตหลวง จะเป็นการยิงปืนใหญ่ที่มีขนาดลำกล้องไม่เกิน 120 มิลลิเมตร โดยใช้ ปืนใหญ่ไม่น้อยกว่า 4 กระบอก เพื่อเป็นการถวายคำนับต่อองค์พระมหากษัตริย์ จำนวน 21 นัด

ส่วนการยิงปืนใหญ่ที่ใช้ฝึกทั่วไป จะมีขนาด 105 มิลลิเมตร และ 155 มิลลิเมตร

การยิงสลุตหลวง เป็นธรรมเนียมที่ถูกอารยะประเทศทั่วโลกยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล การยิงสลุตคือการแสดงความเคารพให้แก่ชาติ หรือธง หรือบุคคล โดยยิงปืนใหญ่ด้วยดินดำ หรือดินไม่มีควัน มีจำนวนนัดเป็นเกณฑ์ ตามควรแก่เกียรติ หรือสิ่งที่ควรรับความเคารพ

สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จุดเริ่มต้นของธรรมเนียมการยิงสลุต เล่ากันว่า ในสมัยโบราณ เรือสินค้าที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลในระยะทางไกล จำเป็นจะต้องมีปืนใหญ่ไว้คุ้มครองสินค้าบนเรือ และต้องมีการบรรจุดินปืนในกระบอกปืนไว้ก่อน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมหากมีกรณีฉุกเฉิน แต่เมื่อเรือเดินทางไปถึงท่าเรือของประเทศที่ทำการค้าด้วย ต้องยิงปืนใหญ่ที่บรรจุแต่ดินปืนออกไปให้หมด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่ามาอย่างมิตร ไม่ใช่ศัตรู ตั้งแต่นั้นมาจึงได้เกิดเป็นประเพณีการยิงสลุตขึ้น เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกันระหว่างเจ้าบ้านและผู้มาเยือน อันเป็นประเพณีที่ชาวเรือได้สืบทอดกันต่อมาจวบจนปัจจุบัน

แรกเริ่มเดิมทีประเพณีการยิงสลุตได้กำหนดตัวเลขการยิงเอาไว้ที่จำนวน 7 นัด ซึ่งในขณะนั้นทางทวีปยุโรปถือว่าเป็นเลขมงคล เพราะเชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกใน 7 วัน หรือเหตุผลอีกกระแสหนึ่งที่ว่าบนเรือรบแต่ละลำมีปืนใหญ่ลำละ 7 กระบอก จึงต้องยิงให้เคลียร์หมดทุกกระบอกๆ ละ 1 นัด และยังมีธรรมเนียมต่อไปอีกว่า เมื่อเรือสินค้าได้ยิงให้แก่เจ้าของจำนวน 7 นัดแล้ว ทางป้อมปืนใหญ่ของชาติเจ้าของท่าจึงต้องยิงตอบออกมาเป็นจำนวน 3 เท่า ซึ่งก็คือ 21 นัด ในเวลาต่อมาได้มีการทำความตกลงกันใหม่ว่าควรให้ทั้ง 2 ฝ่ายยิงในจำนวน 21 นัดเท่าๆ กัน โดยอังกฤษเป็นชาติแรกในการวางกฎระเบียบการยิงสลุต 21 นัด และได้ถือเป็นกติกาสากลสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับในประเทศไทยมีการยิงสลุตครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีในบันทึกของจดหมายเหตุฝรั่งเศสกล่าวถึงเรือรบฝรั่งเศสชื่อ เลอโวตูร์ ที่ได้เดินทางเข้ามาถึงป้อมวิชเยนทร์ (ป้อมวิชัยประสิทธิ์ พระราชวังเดิม กองทัพเรือ ในปัจจุบัน)

สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

มองซิเออร์คอนูแอล กัปตันเรือได้มีใบบอกเข้าไปถามทางราชสำนักอยุธยาว่า จะขอยิงสลุตให้เป็นเกียรติแก่ชาติสยาม ทางราชสำนักจะขัดข้องไหม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงรับสั่งให้ออกพระศักดิ์สงคราม (มองซิเออร์คอม เดอร์ ฟอร์แบงก์ นายทหารชาวฝรั่งเศส) ผู้รักษาป้อมในขณะนั้น อนุญาตให้ฝรั่งเศสยิงสลุตได้ ต่อมาเมื่อสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์แล้ว พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่คือ สมเด็จพระเพทราชา ทรงไม่โปรดปรานฝรั่งเศส จึงทำให้ธรรมเนียมการยิงสลุตได้ถูกยกเลิกไป

ธรรมเนียมการยิงสลุต กลับมารื้อฟื้นอีกครั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวที่ต้อนรับ เซอร์จอห์น เบาวริ่ง ราชทูตอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ.2398 ต่อมาในปี พ.ศ.2448 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการตราข้อบังคับว่าด้วยการยิงสลุต ร.ศ.125 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การยิงสลุตหลวง และการยิงสลุตเป็นเกียรติแก่ข้าราชการ

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตรา พระราชกำหนดการยิงสลุตขึ้นใหม่ คือ การยิงสลุต ร.ศ.131 (พ.ศ.2455)

กำหนดให้มีจำนวนปืนไม่ต่ำกว่า 4 กระบอก แบ่งประเภทการยิงสลุตไว้ 3 ประเภท คือ

- สลุตหลวง แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ สลุตหลวงธรรมดา มีจำนวน 21 นัด และสลุตหลวงพิเศษ มีจำนวน 101 นัด

- สลุตข้าราชการ

- สลุตนานาชาติ

พระราชกำหนดยิงสลุต ร.ศ.131 ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ.2483 จนกระทั่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ทางราชการจึงรื้อฟื้นประเพณียิงสลุตขึ้นมาใหม่ เริ่มเป็นครั้งแรกในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2491 เนื่องในพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยกำหนดข้อบังคับไว้โดยสรุปดังนี้

- กำหนดให้มีจำนวนปืนไม่ต่ำกว่า 4 กระบอก มีขนาดลำกล้องไม่เกิน 120 มิลลิเมตร

- ห้ามยิงตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกไปแล้วจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น

สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามเหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงพิเศษเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

แบ่งประเภทการยิงสลุตไว้ 3 ประเภท เช่นเดียวกับพระราชกำหนดยิงสลุต ร.ศ.131

ส่วนหลักเกณฑ์การยิงสลุตในปัจจุบัน หากเป็นงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา งานพระราชพิธีฉัตรมงคล หรือวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมราชินีหรือสมเด็จพระยุพราช รวมถึงงานต้อนรับพระมหากษัตริย์ หรือประมุขแห่งรัฐ ยิงสลุตจำนวน 21 นัด  ถ้าเป็นระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม(ที่เป็นทหาร) ผู้บัญชาการทหารเรือ จอมพลเรือ และเอกอัครราชทูต ยิงสลุต 19 นัด  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม(ที่เป็นพลเรือน) พลเรือเอก และเอกอัครราชทูตพิเศษ ยิงสลุต 17 นัด  พลเรือโท และอัครราชทูต ยิงสลุต 15 นัด พลเรือตรี และราชทูต ยิงสลุต 13 นัด (สามเหล่าทัพยศเท่ากัน ยิงสลุตเท่ากัน)  อุปทูตยิงสลุต 11 นัด กงสุลใหญ่ ยิงสลุต 9 นัด

related