อธิบดีกรมอุทยานฯส่งทีมแพทย์ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงสำรวจพื้นที่ทำบ่ออนุบาลมาเรียม รับมือมรสุมใหญ่ แก้ปัญหามาเรียมเกยตื้นขณะน้ำลง และป้องกันการถูกคลื่นซัดขณะเกิดมรสุม เพื่อความปลอดภัยของเจ้ามาเรียม และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดูแลอนุบาล
(16มิ.ย.62)ที่อ่าวดุหยง ใกล้เขาบาตู หมู่4ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ซึ่งเป็นสถานที่ดูแลอนุบาล “เจ้ามาเรียม” พะยูนน้อย วัยประมาณ6เดือน แบบธรรมชาติในทะเล โดยทีมสัตวแพทย์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง กลุ่มพิทักษ์ดุหยง และเจ้าหน้าที่อาสา โดยขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม และคลื่นลมจะมีกำลังแรง ซึ่งเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่เริ่มทำงานยากลำบาก เป็นอันตรายทั้งจากแมงกะพรุน ปลากระเบน และเป็นอันตรายกับเจ้ามาเรียมที่ยังเป็นพะยูนวัยเด็กที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง ยังต้องป้อนนม ป้อนหญ้า และยังไม่รู้จักทะเลดีพอจะเกิดอันตรายได้ ทั้งจากการถูกคลื่นซัดออกจากฝั่งไปสู่ทะเลใหญ่ หรืออาจเกยตื้นหลังจากน้ำลง ทำให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คิดหาวิธีการวางแผนดูแลอนุบาลมาเรียมให้เกิดความปลอดภัย
ล่าสุด นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ให้การต้อนรับรองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ได้รับมอบหมายจากกรมอุทยานฯให้ลงมาศึกษาพื้นที่ เพื่อหาทางออกแบบสร้างบ่ออนุบาลเพื่อใช้สำหรับการดูแลอนุบาลพะยูนน้อย “มาเรียม” ในช่วงฤดูมรสุมนี้ เบื้องต้น ทางดร.นันทริกาได้ประสานหารือไปยังบริษัท เอสซีจี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่วิศวกรรมที่สามารถให้คำปรึกษาในการออกแบบบ่ออนุบาลชั่วคราวดังกล่าว เพื่อให้เข้ากับสภาพพื้นที่และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้ำสามารถไหลเวียนได้ หรือหากเป็นช่วงน้ำทะเลลงสามารถกักเก็บน้ำได้ ทั้งนี้ จะให้มาเรียมพักในบ่อช่วงขณะที่น้ำลง ป้องกันปัญหามาเรียมเกยตื้น หรือขณะให้อาหารนม และหญ้าทะเลในช่วงขณะน้ำขึ้น หรือเกิดมรสุมใหญ่ โดยทางบริษัท เอสซีจีจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมศึกษาเร็วๆนี้ รวมทั้งจะเร่งหารือกับผู้นำชุมชนรวมทั้งประชาชนชาวตำบลเกาะลิบง เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็นในการออกแบบก่อสร้างบ่ออนุบาลชั่วคราวดังกล่าว โดยเบื้องต้นสภาพพื้นที่มีความเหมาะสมที่จะทำบ่อชั่วคราว โดยจะใช้พื้นที่ไม่มากริมชายฝั่งในรัศมีประมาณ10เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ20เมตร ทั้งนี้ หากสามารถทำได้จะทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจในความปลอดภัยของมาเรียม และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
นายชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ทางกรมอุทยานฯต้องคิดหาทางออกในการดูแลมาเรียมในช่วงมรสุมใหญ่ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยของมาเรียมและของเจ้าหน้าที่ เพราะทุกคืนขณะนี้เมื่อน้ำลงต่ำเจ้าหน้าที่จะต้องออกลาดตระเวนตามหาตัวมาเรียม เพราะเกรงจะเกยตื้นลงตามน้ำไม่ได้ และหากเกิดมรสุมใหญ่เจ้าหน้าที่ก็สามารถดูแลได้ และเกิดความปลอดภัยทั้งคนและสัตว์ จึงส่งทีมสัตวแพทย์เดินทางดูสถานที่ และเตรียมก่อสร้างอ่างอนุบาลน้องมาเรียมในทะเลตามธรรมชาติ เพื่อป้องกันมิให้น้องมาเรียมเกยตื้น และป้องกันภัยในช่วงมรสุม
ขณะที่ ดร.นันทริกา กล่าวว่า ทุกวันนี้ทุกคนที่ติดตามข่าวจะรู้สึกเป็นห่วงมาเรียม เพราะความมาเรียมยังเป็นพะยูนวัยเด็กยังซุกซนตามประสา เจ้าหน้าที่เป็นห่วงจะต้องตามหาทุกครั้งเวลาน้ำลง เพราะจะไปเกยตื้นอยู่ในหลายๆจุด เจ้าหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยต้องออกมาทำงานตี2 – 3เพื่อมาหาตัวมาเรียมให้เจอว่าปลอดภัย จึงคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ ต้องมีพื้นที่ให้มาเรียมอยู่ในตอนกลางคืนที่ปลอดภัย ลักษณะเหมือนกันการเลี้ยงสัตว์ทั่วไปที่ตอนกลางคืนจะต้องเอาเข้าบ้าน พอตอนเช้าก็ปล่อยเขาออกไปวิ่งแล่น ทั้งนี้ ได้ติดต่อประสานไปยังบริษัท เอสซีจี เพื่อขอเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมช่วยมาศึกษาออกแบบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในวิธีธรรมชาติไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะบริษัท เอสซีจีมีนวัตกรรมใหม่และผู้เชี่ยวชาญมากมาย ทั้งนี้ หากเราสามารถทำได้ ไม่ใช่เฉพาะในช่วงมรสุมเท่านั้น แต่หากเกิดสัตว์ทะเลเกยตื้น บาดเจ็บ ล้มป่วย ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถใช้บ่อดังกล่าวนี้ในการดูแลรักษาในระบบธรรมชาติ และสามารถดูแลได้ตลอด24ชม.