"ตร.ภาค5" ชงปปส.ฟัน! บ.ขนส่งรายใหญ่ขนยาเสพติด
ตำรวจภาค 5 ชงข้อมูลผลสอบข้อบกพร่องบริษัทขนส่งรายใหญ่ภาคเหนือ เสนอ เลขา ปปส.ฟัน หลังปล่อยเครือข่ายยาเสพติด ใช้ช่องทางลำเลียงยาเสพติดล๊อตใหญ่ถึง 4 ครั้ง
หลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จับนายสุชาติ เทียนชัยพนา อายุ 56 ปี ชาวเผ่ากะเหรี่ยงพร้อมของกลางไอซ์น้ำหนักประมาณ 560 กิโลกรัม และยาบ้า 708,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท โดยจับได้ระหว่างผู้ต้องหากำลังขนยาเสพติดทั้งหมด จากตลาดรวมโชค เพื่อนำไปส่งที่บริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง1988 จำกัด ในตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ระบุปลายทางผู้รับที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดในครั้งนี้ ถือเป็นล็อตใหญ่สุดในประเทศ ซึ่งการสอบสวนนายสุชาติ ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า นำยาเสพติดขนส่งผ่านบริษัทขนส่งรายใหญ่แห่งนี้มาแล้วถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ปลายปี 2560 จนครั้งล่าสุดจึงถูกจับได้
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้(9มีนาคม) พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระบวนการรับส่งพัสดุภัณฑ์ของบริษัทนิ่มซีเส็งทั้งหมด จากข้อมูลการสอบสวนที่ได้จากคำรับสารภาพของนายสุชาติ ระบุว่า ได้ฝากส่งยาเสพติดผ่านบริษัทดังกล่าวมาแล้ว 4 ครั้ง โดยสองครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และเดือนมกราคมอีก 2 ครั้งแต่ละครั้งมีจำนวนกว่า 20 กล่อง
ขณะที่กระบวนการรับฝากพัสดุของบริษัทฯ พบข้อบกพร่องตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลของผู้ฝากส่ง และข้อมูลผู้รับปลายทาง ที่ไม่มีการลงรายละเอียดให้ชัดเจน มีเพียงการใช้ปากกากรอกข้อมูลคราวๆก่อนนำไปใส่รายละเอียดในระบบคอมพิวเตอร์
ด้านบริษัทได้ส่งผู้บริหารที่รับผิดชอบไปพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้ชี้แจงว่า กำลังปรับเปลี่ยนระบบนำสมาร์การ์ดรีดเดอร์มาใช้ เพื่อตรวจสอบฐานข้อมูลบัตรประชาชนของลูกค้าว่าตรงกับตัวบุคคลหรือไม่
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุด้วยว่า ขณะนี้ผลสอบทั้งหมดได้นำเสนอผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แล้ว เพื่อเสนอให้เลขาธิการ ป.ป.ส. พิจารณาลงโทษบริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง1988 จำกัด โดยอัตราโทษตามกฎหมายมี 3 ระดับ เริ่มตั้งแต่ปรับตั้งแต่ 1-1.5 หมื่นบาท สั่งให้หยุดกิจการครั้งละไม่เกิน 15 วัน และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ
ส่วนความคืบหน้าการขยายผลถึงเครือข่ายที่เป็นผู้สั่งการ ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คน คือ นาย เทพ โปติ หรือ ป๋าดอย และนายประพล คำนุง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1ไอซ์และยาบ้า ซึ่งทั้งสองถือเป็นบุคคลสำคัญของเครือข่าย แต่หลังจากที่นายสุชาติถูกจับ ก็หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้ากำลังขยายผลติดตามยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดของผู้ต้องหาทั้งสองรายซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ามหาศาล
