แพทย์ระบุ เด็ก 14 สันหลังคดไม่ได้เกิดจากกระเป๋านักเรียน

ความคืบหน้ากรณีข่าว นางสุภาพ ดีบุญมี ณ ชุมแพ ร้องเรียนสื่อมวลชน หลังพบว่า ด.ญ.ปารย์ทอง ดีบุญมี ณ ชุมแพ หรือน้องโทนี่ ลูกสาว วัย 14 ปี มีอาการกระดูกสันหลังคด โดยเชื่อว่าเกิดจากการแบกกระเป๋านักเรียนที่มีน้ำหนักมาก

ล่าสุดวานนี้ ทางครอบครัวของน้องโทนี่ ได้เข้าพบ นายวิไลศักดิ์ วรรณศรี ผอ.รร.ชุมแพศึกษา เพื่อรายงานอาการป่วยของบุตรสาว พร้อมกับนำภาพเอ็กซเรย์ผลตรวจทางการแพทย์มายืนยัน โดยทางโรงเรียนได้มอบกระเป๋านักเรียนแบบล้อลากให้เพื่อไม่กระทบกับอาการป่วยดังกล่าว

ขณะที่นางสุภาพ ระบุว่า แพทย์ได้นัดให้มาพบเพื่อตรวจติดตามอาการป่วยอีกครั้งในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะกับการพบแพทย์เฉพาะทาง จึงจะทราบแผนการรักษาเกี่ยวกับกระดูกที่คดงอต่อไป

ด้าน นพ.กิตติพงษ์ วิทยาไพโรจน์ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์(โรคกระดูกสันหลัง) รพ.ขอนแก่น ราม ระบุว่า กรณีของน้องโทนี่นั้น การเจ็บปวดที่หลังหรือไหล่ อาจเกิดจากผลข้างเคียงที่กล้ามเนื้อไม่ปกติ อันมีผลมาจาก กระดูกสันหลังน้องไม่ปกติ

ส่วนอาการกระดูกสันหลังน้องคดงอนั้น ยังไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจจะเกิดจากพันธุกรรมหรือภาวะอื่นๆ อย่างไรก็ดีภาวะกระดูกสันหลังคดงอนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับประชาชนโดยทั่วไป แต่ไม่มากนัก และโดยส่วนใหญ่มักจะพบในผู้หญิง ช่วงประถมศึกษาตอนปลาย และ ช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น

เช่นเดียวกับ ผศ.นพ.ชัชวาล ศาลติพิพัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ที่ระบุว่า โรคกระดูกสันหลังคด ปัจจุบันไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ และมักเกิดกับกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นหญิงวัยรุ่นอายุ 12 ปีขึ้นไป

โดยมีงานวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า เป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ซึ่งผู้ป่วยหากเป็นแล้วเลยวัยที่จะสามารถทำการรักษาได้ จะต้องเข้ารับการผ่าตัดนำเหล็กเข้าไปดามอย่างเดียว

แต่หากทราบอาการตั้งแต่จำนวนองศาที่คดงอไม่มาก หรือ ไม่เกิน 40 องศา อาจรักษาด้วยวิธีใส่เสื้อช่วยพยุงแทน จึงขอแนะนำว่าให้ผู้ปกครองหมั่นสังเกตรูปร่างของบุตรหลาน ตั้งแต่ช่วงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที ส่วนกรณีการแบกของหนักนั้น เป็นเพียงกระตุ้รมให้ผู้ที่ป่วยอยู่แล้วกระดูกคดงอมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. กล่าวถึงกรณีที่ได้มีการเสนอให้ใช้อีบุ๊กเข้ามาแทนหนังสือเรียน ว่า ได้มีการแจ้งให้ทราบในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งส่วนตนเชื่อว่าการใช้อีบุ๊ก จะช่วยนักเรียนได้มากในเรื่องของสุขภาพ ลดการแบกหนังสือที่มีน้ำหนักมากไปโรงเรียน อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ต้องใช้เวลาในการพัฒนา

ส่วนคำถามว่า นักเรียนในพื้นที่ห่างไกล จะใช้อีบุ๊กได้หรือไม่ เบื้องต้นจากการสำรวจ พบว่านักเรียนในพื้นที่ห่างไกล มีสัดส่วนในการใช้สมาร์ทโฟนอยู่ในระดับหนึ่ง เชื่อว่าการเรียนการสอนด้วยอีบุ๊ก หรือด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จะช่วยให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม อยากให้ครูประจำโรงเรียน เป็นครูพี่เลี้ยงช่วยสอนนักเรียนเพิ่มเติมด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

อย่างไรก็ตาม กรณีที่คุณหญิงกัลยา รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการเสนอให้ใช้อีบุ๊กแทนการใช้หนังสือนั้น ได้เกิดดราม่าในโซเชียล หลัง หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ อดีตนักร้องค่ายดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุ ที่ผ่านมากว่า 5 ปีมีการต่อต้านเรื่องให้นักเรียนใช้แท็บเล็ต แต่การเสนออย่างนี้คืออะไร

พร้อมยังพาดพิงเรื่องกรณีที่เคยมีการต่อต้านโยบายต่างๆสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ อาทิ เรื่องค่าแรง 300 บาท, รถไฟความเร็วสูง, 30 บาทรักษาทุกโรค, แจกแท็บเล็ตให้นักเรียน, ปริญญาตรี ให้ 15,000 บาท อีกด้วย