svasdssvasds

ข่าววิดีโอที่เกี่ยวข้องกับ " ก๊าซธรรมชาติ "

ข่าวทั้งหมด

ไฮโดรเจน พลังงานมาแรงในอนาคตที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ไทยอยู่จุดไหน?

ไฮโดรเจน พลังงานมาแรงในอนาคตที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ไทยอยู่จุดไหน?

โลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความต้องการพลังงานสะอาดจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางทางเลือกพลังงานมากมาย มีพลังงานหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก และถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเราไปสู่โลกที่ยั่งยืน นั่นคือ "พลังงานไฮโดรเจน" ไฮโดรเจน (H2) เป็นธาตุที่มีอยู่มากมายในธรรมชาติ โดยเฉพาะในรูปของน้ำ (H2O) ซึ่งเป็นสารประกอบไฮโดรเจนที่มีมากที่สุดในโลก ไฮโดรเจนถูกคิดค้นและใช้งานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แล้ว ที่ถูกใช้เป็นพลังงานให้กับบอลลูน คุณสมบัติเด่นของไฮโดรเจนคือ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และที่สำคัญที่สุดคือ มีการเผาไหม้ที่สะอาด ไม่ปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ สิ่งที่ได้จากการเผาไหม้มีเพียงไอน้ำเท่านั้น เพื่อสะท้อนถึงความสะอาดในการผลิต ไฮโดรเจนถูกแบ่งออกเป็น "สี" ต่างๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและกระบวนการผลิต ไฮโดรเจนสีน้ำตาล ใช้ถ่านหิน ไฮโดรเจนสีเทา ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง วัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตไฮโดรเจน สีเหล่านี้จะยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก

27 Jun 2025

โมเดลองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ต้นแบบความสำเร็จ เจรจาพื้นที่ OCA ไทย – กัมพูชา

โมเดลองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ต้นแบบความสำเร็จ เจรจาพื้นที่ OCA ไทย – กัมพูชา

“OCA” ย่อมาจาก “Overlapping Claims Area” หรือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล มันคือพื้นที่ที่ 2 ประเทศอ้างสิทธิ์ว่าเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล อย่าง ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ หรือแม้แต่ทรัพยากรทางประมง ก็มีส่วนเช่นกัน ซึ่ง OCA ที่เราพูดถึงกันในที่นี้ก็คือ พื้นที่ทับซ้อนระหว่าง ไทย กับ กัมพูชา ที่บริเวณอ่าวไทย กินพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร และมีการแบ่งพื้นที่บริเวณนี้ออกเป็น 2 ส่วน ด้วยเส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ ส่วนแรก คือส่วนด้านบน มีพื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองประเทศต้องเจรจาเรื่องเขตแดน ส่วนที่ 2  ส่วนล่างมีพื้นที่ 16,000 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่กำหนดให้ทั้ง 2 ประเทศ มีส่วนร่วมในการพัฒนาและใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือ Joint Development Area หรือ JDA นอกเหนือจากเรื่องของอธิปไตยของแต่ละประเทศแล้ว พื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว ยังเชื่อว่ามีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้ง 2 ประเทศดีขึ้นได้ นั้น คือ ก๊าซธรรมชาติ ที่ไทยใช้ผลิตไฟฟ้า มากถึง 60 %  จากข้อมูลปี 2566 ไทยต้องการก๊าซธรรมชาติ ประมาณ 4,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และเป็นการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศ 50 % และอีก 20 % มาจากเมียนมา ส่วน 30 % ที่เหลือ เรานำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่ง 30 % ที่ว่านี้นี่แหละ ที่ราคานำเข้าสูงกว่าก๊าซที่ผลิตจากภายในประเทศและยังมีความผันผวนตามกลไกตลาดโลก ทำให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าบ้านเราสูงขึ้น รัฐบาลไทยมีความพยายามในการเจรจาพื้นที่ OCA ตรงนี้มานานหลายสิบปีในหลายรัฐบาล รวมถึงรัฐบาลของนายกเศรษฐาเองก็เช่นกัน

08 Aug 2024