เดอะมอลล์กรุ๊ป ถือเป็น 1 ใน 3 ยักษ์ใหญ่ของห้างสรรพสินค้าในไทยที่ยังไม่ยอมเข้าตลาดหุ้น แต่ด้วยความหวังผู้บริหาร ที่จะพลิกโฉมรับค้าปลีกยุค 4.0 จึงต้องระดมทุนผ่านตลาดหุ้น และการเข้าตลาดหุ้น ผู้บริหารอาจต้องปรับปรุงสามัญสำนึก
หากพูดถึงห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ในประเทศ ทุกคนคงนึกถึง กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มสยามฟิวเจอร์ และกลุ่มเดอะมอลล์
หากแต่ใน 3 ยักษ์ใหญ่นั้น มีเพียง “เดอะมอลล์” เพียงเจ้าเดียวที่ยังไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือมีบทบาทในการถือหุ้นหรือระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้
ความเป็นมาของ กลุ่มเดอะมอลล์ เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.2524 จากการก่อตั้งขึ้นโดย คุณศุภชัย และ คุณนงลักษณ์ อัมพุช โดยสาขาแรกของ กลุ่มเดอะมอลล์ คือที่ถนนราชดำริ (พื้นที่ตรงข้ามกับ Central World ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2524
ต่อมาหลังจาก “ลุ่มๆ ดอนๆ” ทางธุรกิจมาหลายปี ทั้งการแพ้การประมูลพื้นที่ของตึก World Trade Center ในปี 2545 ทางกลุ่มเดอะมอลล์จึงหันไปร่วมทุนกับทาง สยามพิวรรธน์ (เจ้าของที่ดินสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่) สร้างศูนย์การค้า อภิมหาโครงการชื่อ “สยามพารากอน” โดยเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2548
ปัจจุบัน กลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ปมีห้างสรรพสินค้าทั้งสิ้น 10 แห่ง รวมพื้นที่ให้บริการกว่า 2.49 ล้าน ตร.ม. และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3 แห่ง รวมพื้นที่ให้บริการอีกกว่า 1.5 ล้านตร.ม. ทั้งหมดทั้งสิ้นภายใต้ Brand เดอะมอลล์ ดิเอ็มดิสทริค และสยามพารากอน
ในเชิงรายได้ของ “บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด” ปี 2557 มีรายได้ 23,409 ล้านบาท กำไร 1,176 ล้านบาท ปี 2558 มีรายได้ 23,570 ล้านบาท กำไร 1,001 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้ 24,226 ล้านบาท กำไร 1,130 ล้านบาท
ก้าวแรกของเดอะมอลล์ในการเข้าสู่แวดวงตลาดหุ้นคือ การเข้าถือหุ้น บมจ. เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ หรือ “WAVE” เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ในสัดส่วน 9.99% ภายใต้การชักชวนของ “แมทธิว กิจโอธาน” สามี แคทลีน มาลีนนท์
ข่าวลือหนาหูว่าอาจจะมี “เล่นประตูหลัง” หรือ “Backdoor listing” ผ่าน “WAVE”... วันนี้ความจริงยังไม่ปรากฏนะเจ้าคะ ฟังหูไว้หู
แต่ที่แน่ๆ “แมทธิว กิจโอธาน” เคยลั่นวาจาไว้ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ว่า “หวังพลิกโฉมรับค้าปลีกยุค 4.0 พร้อมแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนผุดบิ๊กโปรเจ็กต์ทั้งแบงค็อก มอลล์ และ บลูเพิร์ล ภูเก็ต”
คงต้องจับตาอภิมหาดีล ของกลุ่มเดอะมอลล์ ในการเดินเข้าสู่ตลาดทุน ตลาดแห่งมหาชน โรงละครแห่งความฝัน
แต่ก่อนอื่นที่ต้องทำความเข้าใจตรงกันนะเจ้าคะ “การเข้าตลาด” คือการมีหุ้นส่วน มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นประชาชนทั่วไป ผู้บริหารจำต้องมีจิตใจโอบอ้อมอารี ปฏิบัติตัวเยี่ยงวิญญูชน คิดถึงสาธารณะประโยชน์เป็นที่ตั้ง
แต่เมื่อได้ดูประวัติการ “ถูกร้องเรียน” ของห้างดังในเครือเดอะมอลล์ ทั้งกับกอง บก. ทั้งกับ สน.ทองหล่อ ก็พบว่า ห้างผู้ดีตีนแดง “ดิเอ็มควอเทียร์” มีชาวบ้านละแวกใกล้เคียง (ย่านสุขุมวิท) ร้องเรียนมามากมาย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนญี่ปุ่น ต่างบ่นกันอุบว่างานอีเวนท์ และคอนเสิร์ตกลางแจ้ง มีเสียงดังอึกทึกครึกโครม ดึกๆดื่นๆ เกินเที่ยงคืนตีหนึ่งบ่อยครั้ง บางครั้งล่าช้าเกินกว่ากฎหมายกำหนดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนแถวนั้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเด็ก ๆ วัยเรียน และสถานพักฟื้นผู้ป่วยที่ติดอยู่กับห้าง
จึงขอฝากถึงท่านผู้บริหาร “คุณแอ๊ว ศุภลักษณ์ อัมพุช” ด้วยนะเจ้าคะ ว่าการเตรียมตัวด้านบัญชี การเงินกฎหมายเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นเพียงขั้นตอนปฏิบัติเชิงเอกสาร แต่ “จิตใต้สำนึก” และ “สามัญสำนึก” ต่อสังคมส่วนรวมเป็นสิ่งที่ต้องหมั่นเสริมสร้างภายในองค์กร เช่นกัน
แม้บริษัทจะกำไรมากเพียงใด แต่ธุรกิจที่ทำยังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ก็มิควรอย่างยิ่งแม้แต่จะคิดถึงการขยายและเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะแค่เพื่อนบ้านยังไม่ใส่ใจ มีหรือที่จะแคร์ผู้ถือหุ้นรายย่อยเจ้าคะ…
คอลัมน์ : มารยาตลาดหุ้น| โดย...คุณนายเผือก | หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3368 ระหว่างวันที่ 24-26 พ.ค.2561