แม้ตกรอบแต่ขอฝากสถิติไว้!! “เปรู” คว่ำ “ออสเตรเลีย” 2-0 ส่งท้าย “ฟุตบอลโลก 2018”

1. “เปรู” คว้าชัยชนะเป็นเกมแรกใน “ฟุตบอลโลก” นับตั้งแต่ใน “ฟุตบอลโลก 1978” (ระยะเวลาห่างกัน 14,265 วัน)

2. ชัยชนะนัดสุดท้ายของ “เปรู” เมื่อปี 1978 คือการเอาชนะชาติจากทวีปเอเชีย (ถล่มอิหร่าน 4-1) 40 ปีต่อจากนั้น “ออสเตรเลีย” ก็เป็นทีมจากเอเชียเช่นกันที่ “เปรู” สามารถเอาชนะได้ในเกมนี้ 2-0

3. “เปาโล เกอร์เรโร่” ดาวยิงกัปตันทีม “เปรู” กลายเป็นนักเตะจากทวีปอมเมริกาใต้ ที่อายูมากที่สุดเป็นอันดับ 3 (34 ปี 174 วัน) ที่ทำประตูได้ใน “ฟุตบอลโลก” รองจากอันดับ 1 “ออบดูลิโอ จาซินโต้ บาเรล่า” ของอุรุกวัย (36 ปี 279 วัน) กับอันดับ 2 “มาร์ติน ปาแลร์โม่” ของอาร์เจนติน่า (36 ปี 227 วัน)

4. “ออสเตรเลีย” ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในศึก “ฟุตบอลโลก” รอบสุดท้าย หนที่ 3 จาก 5 ครั้งที่เข้าร่วม (ปี 1974 ,2014 และ 2018)

5. “ออสเตรเลีย” จบรอบแบ่งกลุ่ม “ฟุตบอลโลก 2018” ด้วยผลงานที่ดีกว่า “ฟุตบอลโลก 2014” เก็บ 1 แต้มจาก 3 นัด ด้วยการเสมอ “เดนมาร์ก” 1-1 (ปี 2014 จบบ๊วยของกลุ่ม แพ้ 3 นัดรวด)

6. “ออสเตรเลีย” มีโอกาสทำประตูในเกมนี้ถึง 14 ครั้งแต่ไม่ได้ประตู ซึ่งยังน้อยกว่าโอกาสการทำประตูในเกมที่พวกเขาพบกับ “บราซิล” ใน “ฟุตบอลโลก 2006” (15 ครั้ง) และไม่ได้ประตูเช่นกัน

7. ทั้ง 16 นัดใน “ฟุตบอลโลก” ของ “ออสเตรเลีย” ไม่เคยได้ประตูขึ้นนำคู่แข่งเลยตั้งแต่ครึ่งแรก และพ่ายแพ้ทั้ง 3 นัดหลังจากสกอร์ตามหลังตั้งแต่ครึ่งแรก

แม้ “เปรู” จะตกรอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม “ฟุตบอลโลก 2018” แต่พวกเขาก็ฝากผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากนัดส่งท้าย และจบด้วยอันดับที่ดีกว่าเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ใน “ฟุตบอลโลก 1982” โดยครั้งนั้นพวกเขาทำได้เพียง 2 แต้มจาก 3 นัด และจบอันดับบ๊วยในรอบแบ่งกลุ่ม แต่หนนี้พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้ 1 จาก 3 นัด จบอันดับ 3 ของกลุ่ม แม้จะตกรอบแต่พวกเขาจะกลับบ้านในฐานะ “ฮีโร่” แน่นอน

ส่วน “ออสเตรเลีย” หนึ่งตัวแทนจากเอเชีย แม้จะจบอันดับบ๊วยในกลุ่มซี แต่ก็ถือว่าผลงานดีกว่า 4 ปีก่อนใน “ฟุตบอลโลก 2014” ที่แพ้ 3 นัดรวดและไร้แต้มกลับบ้าน แต่หนนี้พวกเขาสามารถแบ่งแต้มจากการพบกับ “เดนมาร์ก” ได้สำเร็จ

ขณะที่ผลอีกคู่ “ฝรั่งเศส” เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ เสมอกับ “เดนมาร์ก” แบบไร้สกอร์ 0-0 จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการมี 7 แต้มจาก 3 นัด ส่วน “เดนมาร์ก” เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม

“ฝรั่งเศส” จะเข้าไปรอพบกับทีมอันดับ 2 ของกลุ่มดี มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นทั้ง “ไนจีเรีย –ไอซ์แลนด์ หรืออาร์เจนติน่า” ส่วน “เดนมาร์ก” น่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดในการต้องเผชิญหน้ากับ “โครเอเชีย” ว่าที่แชมป์กลุ่มดี

ขอบคุณภาพจาก FIFA World Cup