svasdssvasds

ไล่ไทม์ไลน์ คุมตัว "ไอ้โก้" มือฆ่าไฮโซเชอรี่ ดำเนินคดี

ไล่ไทม์ไลน์ คุมตัว "ไอ้โก้" มือฆ่าไฮโซเชอรี่ ดำเนินคดี

หลังที่เจ้าหน้าที่ได้แกะรอยล่าตัวนายอัศยา ชัยภา หรือนายโก้ ผู้ต้องหาฆ่าไฮโซเชอรี่ แล้วหลบหนีไปกบดานที่ประเทศกัมพูชา พร้อมน้องชาย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยแล้ว

ประมวลภาพ ตร.คุมตัว "ไอ้โก้" มือฆ่าไฮโซเชอรี่ ดำเนินคดี

ช่วงบ่ายของวันที่ 31 สิงหาคม 2561 เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีฆาตกรรมนางสาวธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ หรือ เชอรี่ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และขนส่งรายใหญ่ ซึ่งถูกไม้เบสบอลเหล็กตีศีรษะจนเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา เข้าจับกุมนายอัศยา ชัยภา หรือ ไอ้โก้ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาฆ่าน.ส.ธิติมา หลังหลบหนีข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านชายแดน จ.จันทบุรี พร้อมนายอนุวัฒน์ ชัยภา น้องชายของ ไอ้โก้ ที่หลบหนีไปด้วยกัน

โดยทั้งคู่กบดานอยู่บริเวณทะเลสาบชื่อดังโตนเลสาบ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าชาร์จล็อกตัว โดยทั้ง 2 คน ไม่ทันได้ตั้งตัว พร้อมตรวจสอบพบทรัพย์สินของนางสาวธิติ มาหลายรายการ ก่อนคุมตัวมาสอบสวน และเตรียมดำเนินคดีฐานหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้ส่งตัวให้ตำรวจไทยนำตัวกลับมาดำเนินคดีทันที โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากประเทศกัมพูชามาลงสนามบิน บน.6 ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งทั้งสองอยู่ในอาการเคร่งเครียด

เบื้องต้นนายโก้ รับสารภาพว่า คบหากับผู้ตายมาประมาณ 1 ปี ในวันเกิดเหตุได้มีปากเสียงรุนแรงกับผู้ตาย เพราะเรื่องรถยนต์ ที่จะซื้อให้พ่อกับแม่ แต่ผู้ตายไม่เชื่อเกรงว่าจะนำไปให้ภรรยาเก่า ก่อนจะถูกด่าถึงบุพการี ด้วยความโมโหและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ใช้ไม้เบสบอลเหล็กตีศีรษะอีกฝ่ายจนเสียชีวิต

และหลบหนีไปกัมพูชาด้วยเส้นทางธรรมชาติ โดยมีน้องชายที่เคยทำงานอยู่ที่บ่อนพนัน ในกัมพูชา คอยช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองฆ่าคนตาย พร้อมยืนยันไม่ใช่การฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ และน้องชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

หลังการสอบสวนแล้วเสร็จ ในช่วงเช้าเวลา 06.30 น. วันที่ 1 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ได้นำตัว นายอัศยา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพชี้จุดในที่เกิดเหตุ รวม 4 จุด ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว โดยจุดที่ 1 บริเวณลานจอดรถชั้นล่างของตัวอาคาร จุดที่ 2 บริเวณหน้าลิฟต์ จุดที่ 3 ภายในห้องพักชั้น 7 เลขที่ 2702 และจุดสุดท้ายคือเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุ โดยตลอดการทำแผน เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน ขึ้นไปบันทึกภาพแต่อย่างใด

ก่อนจะนำตัวไปขออำนาจศาล ฝากขังผลัดแรกในเวลา 10.00 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ส่วนนายอนุวัฒน์ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวส่งศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อขออำนาจฝากขังในข้อหา ช่วยพากันหลบหนี โดยเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนสน.โชคชัย ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี

ขณะที่ พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รองผกก.(สอบสวน) สน.โชคชัย กล่าวว่า จากการสอบปากคำล่าสุด เรื่องเงินของฝ่ายหญิงที่หายไปนั้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น และเงินที่ใช้หลบหนี นั้นเป็นเงินเก็บส่วนตัวที่ยังเหลืออยู่

related