SHORT CUT
โตชิบา ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ชี้แจงหลังสำนักข่าวทั้งไทยและญี่ปุ่นเผยข้อมูลการปรับลดพนักงานจำนวน 5,000 คนออก ไม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการทำธุรกิจในไทย
โตชิบา ไทยแลนด์ เร่งออกจดหมายชี้แจงถึงสื่อมวลชน กรณีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ได้มีสำนักข่าวต่างๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ
“บริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชัน จำกัด เตรียมปรับโครงสร้าง โดยมีแผนปรับลดจำนวนพนักงาน 5,000 คน หรือประมาณ 7% ของพนักงานในญี่ปุ่น”
ทั้งนี้ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ขอเรียนชี้แจงว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับการดำเนินธุรกิจของบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด แต่อย่างใด
สำหรับในปี 2567 นี้ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ภายใต้แบรนด์ “โตชิบา” ดำเนินธุรกิจมาครบ 55 ปี ในประเทศไทย ยังคงยืนหยัดที่จะจำหน่ายและให้บริการผลิตภัณฑ์โตชิบาตามปกติ และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อพนักงาน ตัวแทนจำหน่าย และลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการพัฒนาและขยายไลน์สินค้าเพิ่มเติม รวมถึงจัดทำกิจกรรมการตลาด และส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายเติบโตมาตลอด ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนางานบริการ ขยายศูนย์บริการ และทำกิจกรรมตอบแทนสังคม เพื่อนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตคนไทยเสมอมา
โตชิบา ระลึกอยู่เสมอว่า การดำเนินงานของธุรกิจ จะประสบความสำเร็จอันดียิ่งมิได้ หากขาดซึ่งการให้ความสนับสนุนจากท่านสื่อมวลชนทุกท่าน บริษัทฯ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวต่อไป
โตชิบา ถือว่าเป็นอดีตยักษ์ใหญ่แห่งวงการอิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่นซึ่งดำเนินธุรกิจตั้งแต่หลอดไฟไปจนถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้ประกาศขายกิจการให้กับกลุ่มทุนญี่ปุ่น เจแปน อินดัสเทรียล พาร์ตเนอร์ส (JIP) ไปเมื่อปี 2566 ในดีลมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านเยน (ราว 5 แสนล้านบาท) และถูกถอดออกจากตลาดหุ้นโตเกียว ในเดือนธ.ค. ปีเดียวกัน
หลังเผชิญกับความวุ่นวาย และเรื่องอื้อฉาวมานานนับ 10 ปี ตั้งแต่โตชิบาถูกตรวจพบปัญหาความผิดปกติทางบัญชีเมื่อ 9 ปีก่อน และการปรับโครงสร้างยังถือเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามพลิกฟื้นกำไรของกิจการ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการระยะกลางที่คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ค. นี้
สำหรับการปลดพนักงาน 5,000 ตำแหน่งในญี่ปุ่น จากทั้งหมด 67,000 คน เพื่อลดต้นทุนและมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหลัก
ภาพ : AP
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม