สมาร์ทโฮม (Smart Home) อาจเป็นเรื่องไกลตัวของใครบางคน แต่จริงแล้วปัจจุบันอุปกรณ์สมาร์ทโฮมมีราคาถูกลงจนสามารถจับต้องได้และหาซื้อได้ง่ายๆผ่านช่องทางออนไลน์
บางครั้งคนอาจคิดว่าการมีสมาร์ทโฮมนั้นวุ่นวาย ต้องใช้อุปกรณ์และเงินจำนวนมากเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ และยังมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก เช่น Tuya , Xiaomi หรือยี่ห้ออื่นๆ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง Apple Homekit เพราะการใช้งานสะดวกสบายที่สุดสำหรับสาวก Apple
อยากเริ่มต้นใช้ Apple Homekit เตรียมอะไรบ้างนอกจาก iPad ?
1.Apple Home Hub ที่จะเป็นตัวกลาง เช่น iPad, Apple TV หรือ ลำโพง HomePod
2.แอปพลิเคชัน Home App
3.อุปกรณ์อัจฉริยะที่รองรับ Apple Homekit ซึ่งสามารถเช็กได้ดังนี้ https://www.apple.com/th/ios/home/accessories/
HomeKit คืออะไร?
เรียกง่ายๆว่าเป็นสมาร์ทโฮมที่สามารถใช้อุปกรณ์แอปเปิลควบคุมได้ทั้งหมด เพียงแค่มีตัวกลางคือ iPad , Apple TV หรือ HomePod
และเมื่อมีตัวกลางในการสั่งการแล้ว ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch ก็ตาม คุณสามารถจะ เปิด-ปิดไฟอัจฉริยะ , สั่งเปิดเพลงกับลำโพงบลูทูธ , ดูกล้องวงจรปิด ผ่านอุปกรณ์แอปเปิลได้ทุกชิ้น โดยใช้ง่ายๆผ่านแอปที่มีติดเครื่องคือ Home และ Siri
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นอีก เราจะยกตัวอย่างว่าแอป Home ทำอะไรได้บ้าง
แอปพลิเคชั่น Home ซึ่งสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆในบ้านได้ เช่น หลอดไฟ,พัดลม, แอร์ หรือแม้กระทั่ง Digital Door Lock ที่อยู่หน้าบ้าน รวมถึงกล้องวงจรปิดต่างๆด้วย
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ง่ายๆ เช่น เราสามารถตั้งชื่อห้อง เพื่อรวมอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องนั้นๆไว้ และสามารถสั่งให้เปิดปิดไฟหรืออุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการพูดผ่าน Siri , การตั้งค่าอัตโนมัติไว้ในบ้าน เพื่อความสะดวกเมื่อเวลาถึงบ้านไม่ต้องเดินไปกดสวิทช์เปิดไฟอีกต่อไป เช่น ตั้งโปรแกรมให้เปิดไฟในบ้านโดยการพูดว่า “ถึงบ้านแล้ว” Apple Homekit จะสั่งการตามที่เราตั้งค่าไว้ทั้งหมด
หลายคนอาจคิดว่าอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ก็จะต้องซื้อของ Apple เท่านั้น แต่จริงแล้วไม่ใช่เพราะยังมีหลากหลายอุปกรณ์ที่รองรับ Apple Homekit อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น LIFX, Elgato, Honeywell, Hunter, August, Kwikset และ Logitech
ปัจจุบัน Apple Homekit ไม่ได้แพงเหมือนในสมัยก่อน เนื่องจากมีหลากหลายแบรนด์เข้ามาตีตลาด และเรามาดูกัน ว่า Apple Homekit มีดีกว่า Google Nest , Amazon Alexa อย่างไรบ้าง
ด้วย Apple Homekit ทำงานแบบ Local จุดเด่นคือ “อินเทอร์เน็ตหลุด ก็ไม่ต้องกลัว” เพราะเมื่ออุปกรณ์อัจฉริยะทุกชิ้น เชื่อมต่อเข้า Homekit การตั้งค่าต่างๆจะยังคงทำงาน สั่งผ่านมือถือได้หากต่อ WiFi ในบ้าน
เนื่องจาก Apple ไม่มีแบรนด์อุปกรณ์อัจฉริยะเป็นของตัวเอง การใช้จึงหลากหลาย เช่นใช้หลอดไฟ Tuya ก็ได้ หรือ Philips Hue หรือแม้กระทั่ง Nanoleaf ก็สามารถใช้ได้
เผยเหตุผลชัดๆว่า Homepod หรือ Homehub ทำไมราคาแพง
เพราะ Homehub หรือลำโพง Homepod ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมด เทียบกับคู่แข่งอย่าง Google Nest หรือ Alexa ซึ่งทำหน้าที่แค่เป็นลำโพงรับส่งข้อมูลกับประมวลผลเล็กน้อยเท่านั้น
ทำไมคนใช้ Apple ต้องมี Apple Homekit มันสะดวกยังไง?
มันสะดวกสบายมากจริงๆ เพราะหากหา iPhone ไม่เจอ แค่พูดถาม Homepod โทรศัพท์ของคุณจะดังทันที
อุปกรณ์สมาร์ทโฮมสามารถควบคุมได้ผ่าน Control Center แค่ปัดหน้าจอ ระบบจะเรียนรู้ว่าอุปกรณ์ไหนเราใช้งานบ่อย มักจะขึ้นมาในอันแรกๆ ซึ่งจะสะดวกมากเวลารีบๆ
อยากฟังเพลงสบายๆ ก็แค่กดเลือกไปที่ Homepod ที่เปิดใช้งานไว้อยู่ตลอดเวลา เครื่องจะซิงค์ทันทีไม่ว่าจะแอปพลิเคชันอะไรก็ตาม Spotify , Apple Music หรือ YouTube ซึ่งสะดวกมากๆ
อีกทั้งระบบความปลอดภัยของ Apple ยังแน่นหนา ในเรื่องของ Privacy Mode ซึ่งดีกับการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในบ้าน และเชื่อมผ่าน Apple Homekit ซึ่งข้อมูลต่างๆยังสามารถเช่าพื้นที่ข้อมูลผ่าน Cloud+
โดยไม่ต้องวุ่นวาย สามารถแชร์ภาพกล้องวงจรปิดให้คนในครอบครัวดูได้ 5 คน ด้วยราคาที่ไม่แพง
50 GB: ฿35
200 GB: ฿99
2 TB: ฿349
เทคโนโลยีสมาร์ทโฮมนอกเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มความสะดวกสบายและสนุกสนานกับในการใช้ชีวิตอันวุ่นวายของคนในยุคปัจจุบัน สมาร์ทโฮมยังสามารถช่วยประหยัดค่าไฟ ประหยัดพลังงาน รวมถึงเฝ้าระวังภัยได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อเดินทางถึงที่ทำงาน เราสามารถเช็กว่าเราลืมปิดไฟไว้ที่บ้านหรือเปล่า เราสามารถเช็กได้ผ่านแอป Home และสั่งเปิดปิดได้ทันทีแม้ไม่อยู่บ้าน , กล้องวงจรปิดที่เชื่อมกับแอป สามารถทำให้เราเช็กสถานการณ์ในบ้านและดูแลความปลอดภัยได้มากกว่า เพราะแอปกล้องวงจรปิดส่วนใหญ่ใช้งานยากหรือมีอาการดีเลย์