svasdssvasds

โลมาแอมะซอนตายนับร้อย ผลพวงภัยแล้งเอลนีโญ ทำทะเลสาบร้อน 39 องศาฯ

โลมาแอมะซอนตายนับร้อย ผลพวงภัยแล้งเอลนีโญ ทำทะเลสาบร้อน 39 องศาฯ

ยิ่งเสี่ยงสูญพันธุ์ไปกันใหญ่! โลมาแอมะซอนลอยตายนับร้อยเพียงไม่กี่วัน หลังบราซิลเผชิญหน้ากับภัยแล้ง แม่น้ำแห้งเหือด ทำทะเลสาบเป็นอ่างน้ำร้อน เรือสินค้าสัญจรไม่ได้

ซากศพของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมลอยอยู่ในน้ำ ท่ามกลางฝูงปลาที่ตายนับพันตัว ปรากฏขึ้นริมทะเลสาบเทเฟ (Lake Tefé) รัฐอามาโซนัส ประเทศบราซิล สร้างความกังวลให้กับนักอนุรักษ์และผู้คนในท้องที่ เนื่องจากโลมาแอมะซอน หนึ่งในสัตว์ท้องถิ่นแอมะซอน จัดอยู่ในสัตว์ที่มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์เริ่มมีประชากรลดลงจำนวนมาก (เกินไป)

Cr.André Kumark. โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลมาแอมะซอนทยอยตายแล้วกว่าร้อยตัว เป็นความผิดปกติอย่างมากต่อระบบนิเวศ จากการตรวจสอบสาเหตุโดยผู้เชี่ยวชาญ แดเนียล เทรจิดโก (Daniel Tregidgo) นักวิจัยชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเล่าว่า

ปกติเขาจะพบกับโลมาสีชมพูเป็นประจำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ของการอาศัยอยู่ใจกลางป่าแอมะซอน แทบทุกครั้งที่ไปตลาดเพื่อทานอาหารเช้า เขาจะเห็นพวกมันโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่แอมะซอนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาประสบกับภัยแล้งและสภาพอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้คร่าชีวิตพวกมันไปกว่า 100 ตัว ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า

Ayan Fleischmann นักวิจัยธรณีศาสตร์ จากสถาบันมามิเราอา (the Mamirauá Institute) กล่าวว่า ทีมงานกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งมีความเป็นไปได้หลายประการ รวมถึงการปนเปื้อนของโรคและน้ำเสีย

Cr.André Kumark. เขากล่าวว่า ความลึกและอุณหภูมิของน้ำน่าจะเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตพร้อมกันจำนวนมาก เพราะเราวัดอุณหภูมิน้ำในทะเลสาบได้มากถึง 39 องศาเซลเซียส ซึ่งมันร้อนเกินไป เกินกว่าที่พวกมันจะรับไหว ร้อนพอ ๆ กับอ่างน้ำร้อนของมนุษย์

เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ ที่ทั่วโลก บราซิลเผชิญหน้าจากสภาพอากาศร้อนสุดขั้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และปรากฏการณ์เอลนีโญ อีกทั้งพื้นที่ทางใต้ของประเทศโดนพายุฝนรุนแรงจนน้ำท่วม ในขณะที่ทางตอนเหนือแห้งแล้ง

โลมาแอมะซอนตายนับร้อย ผลพวงภัยแล้งเอลนีโญ ทำทะเลสาบร้อน 39 องศาฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การตายของโลมาแอมะซอน ไม่เพียงกระทบระบนิเวศ นอกจากนี้ ระดับน้ำในป่าแอมะซอน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลดลง 30 เซนติเมตร ในแต่ละวันตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจกระทบไปจนถึงเสบียงอาหารและเชื้อเพลิงเกือบทั้งหมดที่ถูกขนส่งไปทางเรือล่องไปตามแม่น้ำแห่งนี้ ซึ่งบางช่วงของแม่น้ำใช้สัญจรไม่ได้ เนื่องจากมีระดับน้ำที่ต่ำเกินไป ซึ่งอาจทำให้ของต่าง ๆ ราคาสูงขึ้นและเกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร และอาจทำให้คนกว่า 70,000 คนตกอยู่ในภาวะวิกฤต

Cr.Sylvain Cordier/Nature Picture Library/Alamy Tefé เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมากที่สุด สถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ระบุว่า ปริมาณน้ำฝนในเดือนกันยายนมีเพียง 1 ใน 3 ของค่าเฉลี่ยในอดีตเท่านั้น แม่น้ำหลายช่องเริ่มแห้งแล้ว การเดินเรือจากที่เคยใช้เวลา 3 ชั่วโมง ตอนนี้ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินเรือ ขนาดเรือแคนูยังต้องแล่นบนโคลน

อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นหนึ่งใน 15 ชุมชนที่อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามการระบุจากรัฐบาลอามาโซนัส เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนน้ำและแห้งแล้ง ซึ่งคาดว่าจะรุนแรงกว่านี้ในเดือนตุลาคม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเตรียมยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือต่อรัฐบาลเร็ว ๆ นี้

ที่มาข้อมูล

The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related