จากความชื่นชอบการวาดรูปมาตั้งแต่เด็กของ เทิน - เทิดธันวา คะนะมะ สู่การเป็นผู้คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดโครงการศิลปกรรม ปตท. ระดับประชาชนทั่วไป และได้ไปเปิดโลกกว้างยังทางประเทศ ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้เขาทำอย่างไร? เรามาทำความรู้จักเขากัน
เทิน - เทิดธันวา คะนะมะ ศิลปินอิสระ ผู้ชนะการประกวดโครงการศิลปกรรม ปตท. ซึ่งเป็นเปิดโอกาสให้ศิลปิน เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมถ่ายทอดผลงานเล่าความรู้สึกนึกคิด ประสบการณ์ในช่วงชีวิตเดียวกันที่ผ่านมาพร้อมความหวังในการขับเคลื่อนไปสู่อนาคต ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นจดหมายเหตุของประเทศในรูปแบบของงานศิลปะ ผ่านผลงานศิลปะทุกประเภท ทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และผลงานทางด้านทัศนศิลป์อื่นๆ และการประกวดศิลปกรรมของ ปตท. นี้เอง ได้ทำให้เทินมีโอกาสเปิดโลกกว้างไปยังต่างแดน
เรื่องราวของศิลปะที่เริ่มจากโต๊ะอาหาร
“บ้านเทินชอบวาดรูปกันทั้งบ้านเลยครับ ตั้งแต่เล็กจนโตเทินอยู่กับศิลปะมาตลอดเรียกได้ว่าเราแทบจะคุยศิลปะกันบนโต๊ะอาหารเลยครับ และคุณพ่อหยิบดินสอใส่มือให้วาดรูปตั้งแต่ 5 ขวบ ให้เราสร้างสรรค์ศิลปะด้วยตัวเองในแบบที่เราชอบ”
ในช่วงแรกๆ เขาส่งงานศิลปะไปประกวดที่ไหนก็ยังไม่ได้รางวัล จนมีโอกาสได้มาดูงานศิลปกรรม ปตท.สัญจร ที่นำผลงานที่ได้รางวัลมาจัดแสดงต่างจังหวัด ซึ่งคุณพ่อของเขาพาไปดู ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเทินจึงได้เริ่มจริงจังกับการประกวดศิลปกรรม จนสุดท้ายก็ได้รางวัลชนะเลิศของ ปตท.
เทินบอกว่า สิ่งที่ได้จากการประกวดศิลปกรรม ปตท. มันมากกว่าทุนการศึกษาและรางวัลการไปทัศนศึกษายังต่างประเทศ แต่เป็นประสบการณ์ที่ได้เห็นโลกกว้าง ทำให้กับเด็กคนหนึ่งได้เห็นโลกมากขึ้น จากนั้นจึงทำให้เขาพยายามส่งผลงานเข้าประกวดอย่างต่อเนื่อง "เทินได้มีโอกาสได้ไปประเทศจีน, ยุโรป, อินโดนีเซีย และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมาจากการส่งงานประกวดล้วนๆ เลย"
จากโอกาสที่ได้รับจาก ปตท. สู่การส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น
จากการเก็บสะสมผลงานและรางวัลของ เทิน - เทิดธันวา ทำให้เขาสามารถเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน อย่าง มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ โดยติดรอบ Portfolio อันดับ 1 ในปีนั้น และในรั้วมหาวิทยาลัยด้วยกิจกรรมที่เยอะจนทำให้ห่างหายจากการประกวดไปบ้างแต่น้องๆ ยังคงส่งผลงานประกวดเรื่อยๆ
"เทินอยู่กับการประกวดศิลปกรรม ปตท. มาตั้งแต่ยังเด็ก แทบจะโตมาพร้อมๆ กับ ปตท. เลยก็ว่าได้ ถึงจะห่างหายจากการประกวดไปแต่ก็ยังเหมือนครอบครัว ยังติดต่อและสนิทกับพี่ๆ ทีมงานข้างในอยู่ตลอด จนวันหนึ่ง ปตท. ก็มอบโอกาส ให้เทินมาเป็นวิทยากรในการจัดทำโครงการเพื่อสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้เทินมีโอกาสได้ไปสอนศิลปะให้กับเด็กในสถานพินิจกับคุณลุงซึ่งเป็นนักเล่านิทาน แล้ววันนั้นก็เป้นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนมุมมองของผมไปเลย"
ศิลปินอิสระผู้นี้ได้เอากิจกรรมวาดรูปเข้าไปสอนเด็กๆ ในสถานพินิจ คู่กับคุณลุงซึ่งเป็นนักเล่านิทาน เมื่อสอนเสร็จได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับเด็กๆ เทินเล่าให้ฟังว่ามีน้องคนหนึ่งบอกว่า "พี่ครับ นี่คือการฟังนิทานครั้งแรกของผมเลยครับ" เทินกล่าวว่า "บอกตรงๆ ว่ามันเรียบง่าย แต่สะเทือนใจมาก เพราะมันแสดงถึงปัญหาครอบครัว สังคมรอบบ้าน หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาสทำอะไรเพื่อสังคม ผมก็จะรีบคว้าทันทีและทำอย่างเต็มที่ เพราะเทินคิดว่า อย่างน้อย เทินไม่มีกำลังทุนทรัพย์มากมายที่ช่วยเหลือได้ แต่เทินมีความรู้ มีความสามารถ มีทีม มีเพื่อน ที่พร้อมหยิบยื่นความช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ขอแค่ได้เปลี่ยนแปลงจากสเกลที่เล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว จนเทินได้มีโอกาสร่วมช่วยเหลือสังคมกับ ปตท. ซึ่งทำมาตอนนี้ทำมาหลายโครงการ"
จากประสบการณ์ในการเป็นวิทยากรสอนศิลปะให้กับผู้คนมากเลย ตั้งแต่เด็กๆ ในโรงเรียนที่ขาดโอกาส, ผู้สูงอายุ ไปจนถึงพระ เทินเล่าประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ฟังว่า
"ผมได้เจอกับเด็กๆ ที่แม้ว่าเค้าอาจจะไม่โดดเด่นในการเรียน แต่เค้ามีความฝันในรูปแบบของเค้า ซึ่งน่าสนใจมาก อย่าง เด็ก ม.1 คนนึงที่เค้ามีความสามารถทั้งแรฟและเขียนเพลง เด็ก ม.4 อีกคนฝันอยากมีอาชีพเป็นนักมวย หรือจะเป็นเพื่อซี้สองคนที่ไปซ้อมสเก็ตบอร์ดด้วยกันทุกเย็น มันเหมือนผมเห็นตัวเองในวัยเด็ก ซึ่งแต่ละคนมีความฝันแตกต่างกันไป ผมก็เช่นกันผมชอบวาดรูปและยังคงทำตามความฝันของตัวเอง โดยมี ปตท. เป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาส ทำให้เห็นโลกกว้างมากมาย ผมจึงอยากมอบคืนกลับไปสู่สังคมบ้างครับ"