2 ธ.ค. 1946 วันเกิด จานนี เวอร์ซาเช่ ดีไซน์เนอร์ระบือนาม ผู้ก่อตั้ง "Versace"
จานนี่ เวอร์ซาเช่ เริ่มก่อตั้ง Versace ในปี 1978 ปักหมุดเส้นทางแฟชั่นด้วยสไตล์การตัดเย็บที่ทำให้ผู้หญิงมั่นใจ เซ็กซี่ และมีสีสันฉูดฉาด หลังก่อตั้งแบรนด์ได้เพียง 19 ปี ชีวิตเป็นอันต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
“อย่าให้แฟชั่นกลืนคุณ คุณรู้จักตัวเองดีที่สุด คิดเอาเองว่าอยากสื่อสารอะไร ผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ห่มกาย และผ่านวิธีการใช้ชีวิต”
ในบรรดาสุดยอดดีไซน์เนอร์มือฉมังของโลกแฟชั่น หากจะให้จิ้มเลือกมาสัก 5 คน คงจะหินเกินไปสำหรับผู้ติดตามแฟชั่น งั้นถ้าชี้ไปที่ประเทศที่รุ่มรวยศิลปะวิทยาการอย่าง “อิตาลี” พอจะมีใครบ้าง? คิดว่าหนึ่งในดีไซน์เนอร์ระบือนามที่จัดยังไงก็ไม่หลุด Top 5 ก็คงหนีไม่พ้น “จานนี เวอร์ซาเช่”
วันที่ 2 ธ.ค. ตรงกับวันเกิดของ “จานนี เวอร์ซาเช” ดีไซน์เนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Versace ห้องเสื้อชั้นสูงที่ทำยอดขายถล่มทลายอยู่ทุกปี พร้อมมีเหล่าโมเดลระดับโลกประดับรันเวย์อยู่ทุกซีซั่นไม่ว่าจะเป็น Gigi Hadid, Bella Hadid, Kai Gerber, Kendall Jenner, Vittoria Ceretti เรียกได้ว่าเป็นนางแบบคิวทองทั้งนั้น
หลังการสูญเสียพี่ชายและผู้เป็นทุกอย่างให้กับแบรนด์ Versace น้องสาวอย่าง ดอนนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ (Donatella Versace) ต้องขึ้นมารับช่วงต่อในฐานะHead Designer เพื่อคุมบังเหียนห้องเสื้อแห่งนี้ให้อยู่รอดต่อไปได้
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของ “จานนี เวอร์ซาเช่” ชวนย้อนไปถึงปฐมบทของเขาคนนี้ ชีวิตวัยเด็ก การก่อตั้งแบรนด์ และปรัชญาแนวคิดที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงกล้าที่จะแต่งตัว และไม่เชื่อในเรื่องเทสดี ติดตามได้ในบทความนี้
เด็กหนุ่มจากเมือง Reggio Calabria
จานนี เวอร์ซาเช เกิดวันที่ 2 ธ.ค. 1946 ในเมืองเรจจิโอคาลาเบรีย (Reggio Calabria) ประเทศอิตาลี เป็นลูกคนกลาง จากทั้งหมด 3 คน พี่คนโตชื่อว่า ฟรานเชสกา เวอร์ซาเช่ (Francessca Versace) และน้องสาวคนเล็ก ดอนนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ (Donatella Versace)
จานนี่ฉายแววเรื่องการเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่วัยเยาว์ เขามักออกแบบเสื้อผ้าให้ดอนนาเทลล่าใส่อยู่บ่อย ๆ ระหว่างนั้นเขาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยม Liceo Classico Tommaso Campanella แต่ไฟในอกที่สุมอยู่ทุกวัน ๆ ก็ทำให้เขารู้ตัวเองเร็ว ว่าตนอยากมุ่งหน้าเอาดีทางด้านแฟชั่น
ในยุค 60 – 70s เกิดห้องเสื้อดัง ๆ แล้วมากมายอาทิ Christian Dior, Chanel, Valentino, Balenciaga, Givenchy หรือแบรนด์สัญชาติอิตาลีอย่าง Armani, Prada, Fendi, Gucci เป็นไปไม่ได้ที่เด็กสนใจแฟชั่นอย่าง จานนี่ จะไม่เคยเห็นแบรนด์เหล่านี้ผ่านตามาก่อน
หลังจากนั้นในปี 1972 จานนี่ในวัย 26 กะรัต ก็ได้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงแห่งแฟชั่นอย่าง มิลาน (Milan) และเริ่มเส้นทางแฟชั่นของตัวเองด้วยการเป็นสไตล์ลิสต์ให้กับ Callaghan เป็นมือปืนรับจ้างอยู่อย่างนี้ราว 6 ปี ก่อนจะตัดสินใจครั้งใหญ่ ซึ่งเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ก่อตั้งแบรนด์ในปี 1978
หลังจากที่เก็บหอมรอมริด และฝึกทักษะของตัวเองจนมั่นใจแล้วว่า สามารถเปิดห้องเสื้อของตัวเองได้ จานนี่ ตัดสินใจเปิดแฟชั่นเฮ้าส์ภายใต้ชื่อ Gianni Versace Donna เป็นแห่งแรกที่ถนน Via della Spiga ในเมืองมิลาน
ไม่นาน จานนี่ก็เดบิวต์คอลเลกชั่นแรกของตัวเอง ด้วยไลน์เสื้อผ้าผู้หญิง เป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Ready to wear) ในชื่อ “Florentine Flowers” จิตวิญญาณของ Versace ชัดเจนตั้งแต่เสื้อผ้าล็อตแรกของแบรนด์ ด้วยส่วนตัวของจานนี่ที่เชื่อว่า ผู้หญิงจะใส่อะไรก็ได้ เซ็กซี่ หวานใส่ ใส่กระโปรง แหวกล่าง แหวกบน ก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ผู้สวมใส่รู้สึกมั่นใจก็พอ
หลังจากที่กระแสตอบรับในแวดวงแฟชั่นเป็นไปในแง่บวก และเสื้อผ้าของเขาขายได้ จานนี่เริ่มแตกไลน์ธุรกิจไปถึงเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ซึ่งพากลับมาดูในปัจจุบัน สิ่งของพวกนี้เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแบรนด์ Versace เลยก็ว่าได้
จนในปี 1989 เมื่อเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งไลน์ผู้หญิงและผู้ชายประสบความสำเร็จ จานนี่จึงยากท้าทายตัวเองด้วยการทำคอลเลกชั่น Haute Couture ภายใต้ชื่อ Atelier Versace ที่มีเหล่าโมเดลในตำนานมากมาย ที่เมื่อก่อนเคยเป็น “ลูกหม้อ” ของ Versace กันมาก่อนทั้งนั้น จนถึงทุกวันนี้บรรดานางแบบยังให้เกียรติ ด้วยการมาใส่ส้นสูงเดินบนรันเวย์ของ Versace กันอยู่ไม่ขาดสาย
ภาพจำของแบรนด์ Versace
หากใครที่ติดตามอุตสาหกรรมแฟชั่นมาบ้างก็พอจะคุ้นเคยกับลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Versace กันเป็นอย่างดี หรือโลโก้ที่ชักชวนสายตาให้มองเป็นไหน ๆ นิตยสารแฟชั่นหันใหญ่ ๆ ของโลกล้วนนิยามรสมือของแบรนด์ Versace ไว้คล้ายคลึงกัน “สีฉูดฉาด ลายพิมพ์เป็นเอกลักษณ์ และเซ็กซี่ขยี้ใจ”
ทว่า จานนี่ เวอร์ซาเช่ ในฐานะผู้ปลุกปั้นเสื้ออาภรณ์ขึ้นกลับมองว่า Versace เป็นไปได้หลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สไตล์ใดสไตล์หนึ่ง
“Versace จะอนุรักษ์นิยมก็ได้
Versace จะสวยกล้าบ้าบิ่นก็ได้
Versace จะเป็นคอสตูมก็ได้
ฉันยังไม่ได้ติดสินใจหรอกว่าจะเป็นแบบไหนดี”
แต่ก่อนจะเข้าบ้าน ก็ต้องแวะดูประตูบ้านเสียก่อน โลโก้อันเป็นเอกลักษณ์ของ Versace คือ เมดูซ่า จากปกรณัมกรีกนั่นเอง ต้องย้อนเหตุการณ์สักเล็กน้อยว่า ก่อนหน้านี้โลโก้ของแบรนด์ไม่ได้เป็นเมดูซ่ามาตั้งแต่แรก
จานนี่เปลี่ยนมาใช้เมดูซ่าเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ในปี 1993 จานนี่เคยเล่าเอาไว้ว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นใน Reggio Calabria เมืองที่เขาเคยอาศัยอยู่ในวัยเด็ก ที่มีโมเสกรูปเมดูซ่าสลักเอาไว้ จานนี่ให้เหตุผลว่า อยากให้ใครก็ตามที่พบเห็น Versace ต้องตกหลุมรัก จนโงหัวไม่ขึ้น เฉกเช่นที่ใครก็ตามได้จ้องตาของเมดูซ่าแล้ว ล้วนต้องแข็งท่อเป็นศิลาไปชั่วนิรันด์
ฉากจบหึ่งกลิ่นคาวเลือด
ในวันที่ 15 กรกฎาคม ปี 1997 เกิดเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับวงการแฟชั่น “จานนี เวอร์ซาเช่” ถูกฆาตกรรมที่บ้านพักย่าน Ocean Drive ย่านไมอามี่ จากไปด้วยวัยเพียง 50 ปี ด้วยเงื้อมมือของฆาตกรที่ชื่อว่า แอนดรูว์ คูนานัน (Andrew Cunanan) อายุ 27 ปี
การเสียชีวิตของ “จานนี เวอร์ซาเช่” กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมสหรัฐตอนนั้น เจ้าหน้าที่ FBI ทันทีที่ได้รับแจ้งการเสียชีวิต ได้พลิกแผ่นดินหาตัวแอนดรูว์ทั่ว Florida
จนในที่สุดก็สืบสาวราวเรื่องได้ว่า แอนดรูว์ คูนานันคือฆาตกรต่อเนื่อง ที่ลงมือฆ่าไปแล้วทั้งหมด 4 คน ซึ่งทุกคนล้วนเป็นคนที่เขาเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วย สื่อรายงานว่า จานนี่และแอนดรูว์ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ได้พบกันในช่วงสั้น ๆ แต่มีข้อสันนิษฐานว่า แอนดรูว์ต้องการลงมือฆ่า Antonio D’Amico แฟนหนุ่มของจานนีที่เริ่มคบหากันมาตั้งแต่ปี 1986
งานศพของดีไซน์เนอร์รายนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งจากครอบครัวและเพื่อนฝูงในแวดวงแฟชั่นที่ตบเท้าเข้ากันมาร่วมงาน เพื่อมารวมส่งจานนี่เป็นครั้งสุดท้าย งานศพของจานนีถูกจัดขึ้นที่ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) เมืองมิลาน สถานที่ซึ่งแบรนด์แฟชั่น Versace ถือกำเนิดขึ้น
ในวันงาน มีแขกกว่า 2,000 คน เพื่อนฝูงที่เคยร่วมงานกันก็มาร่วมงานศพของจานนี่ด้วยอาทิ Naomi Campbell, Sting Carolyn Bessette Kennedy, Karl Lagerfeld, Giorgio Armani รวมถึงเจ้าหญิงไดอาน่าก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
นางแบบที่ใกล้ชิด และสนิทสนมกับจานนี่มีอยู่หลายคนอาทิ Claudia Schiffer, Cindy Crawford, Christy Turlington และ Naomi Campbell การเสียชีวิตของจานนี่สร้างความเศร้าโศกให้กับผู้ใกล้ชิดเป็นอย่างมาก หญิงแกร่งอย่าง นาโอมิ ซึ่งเดินแบบให้กับ Versace จนถึงทุกวันนี้เคยกล่าวถึงจานนี่ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ่งว่า
“He treated me like a woman with a lot of respect”
เวลาผ่านไป 7 วัน มีคนเห็นว่านาโอมิกำลังเดินทางไปสำนักงานใหญ่ของ Versace ภายใต้เบื้องหน้าที่แข็งแกร่ง คนที่พบเห็นกล่าวว่า “นาโอมิกำลังร้องไห้”
น้ำตานาโอมิเป็นน้ำเพียงไม่กี่หยด ที่พอจะบอกเรื่องราวของ “จานนี เวอร์ซาเช่” ได้เป็นอย่างดี ว่าดีไซน์เนอร์รายนี้ปฏิบัติต่อคนใกล้ชิดดีแค่ไหน ลองคิดดูว่า ทั้งโลกที่ติดตามข่าวสารอยู่ห่าง ๆ ยังตกใจไปกับการสูญเสีย แล้วนางแบบที่เคยได้ใกล้ชิด ได้ฟิตติ้งเสื้อผ้า ซ้อมเดิน ภายใต้วิสัยทัศน์ของ จานนี่ เวอร์ซาเช่ จะรู้สึกรู้สากับการสูญเสียในครั้งนี้แค่ไหน
เชื่อว่าชีวิตและการทำงานของ “จานนี เวอร์ซาเช่” คงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้โลกขยับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมแฟชั่นก็ผลิตสร้างเทรนด์ใหม่ ๆ ออกมาป้อนผู้บริโภคอยู่บ่อย ๆ
ทว่า หากเรามีความเชื่อมั่น มี attitude รู้ดีว่าเราเป็นใคร ทำไมถึงเลือกหยิบเสื้อผ้าชิ้นนี้มาใส่ เหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ แล้วไม่เดือดร้อนใคร รวมถึงตัวเอง จะใส่อะไรก็ได้ทั้งนั้น จงเป็นตัวของตัวเอง
“You have to break a barrier every day. Fashion to me, is born and dies everyday”
ที่มา: townandcountrymag
เนื้อหาที่น่าสนใจ
