svasdssvasds

"บิ๊กโจ๊ก" เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ หรือแค่ปมขัดแย้งสีกากี?

"บิ๊กโจ๊ก" เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ หรือแค่ปมขัดแย้งสีกากี?

ย้อนเส้นทาง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หลังถูกโยงเอี่ยวเว็บพนัน ลูกน้องโดนออกหมายจับ เจ้าตัวออกโรงโต้โดนดิสเครดิต ชี้ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิด ม.157 และ ม.149 ยืนยันยังบริสุทธิ์ 100%

SHORT CUT

  • "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกโยงเอี่ยวเว็บพนัน โดนบุกค้นบ้านพัก ลูกน้องโดนออกหมายจับ 8 ราย 
  • "บิ๊กโจ๊ก" ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ผิดวินัยร้ายแรง ม.157 และ ม.149 เส้นทางการเงินโยงเว็บพนันมินนี่ 
  • “บิ๊กโจ๊ก” ซัดข่าวโดนแจ้งข้อกล่าวหาดิสเครดิต ยันยังบริสุทธิ์ 100% ไม่เกี่ยวเว็บพนัน ฟาดไม่ได้รับเงินเหมือน ตร.บางกลุ่ม

ย้อนเส้นทาง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หลังถูกโยงเอี่ยวเว็บพนัน ลูกน้องโดนออกหมายจับ เจ้าตัวออกโรงโต้โดนดิสเครดิต ชี้ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิด ม.157 และ ม.149 ยืนยันยังบริสุทธิ์ 100%

กลายเป็นกระแสร้อนแรงในวงการสีกากี หลังตำรวจไซเบอร์บุกไปถึงบ้านของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมหมายค้นและหมายจับ เพื่อขอตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา หลังตรวจพบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนจับตามองเพราะบิ๊กโจ๊กถือเป็นนายตำรวจฝีมือดีที่กำลังมีผลงานโดดเด่น และช่วงนั้นมีรายชื่อเป็น 1 ใน 4 ตัวเต็งชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จนหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าการบุกบ้านบิ๊กโจ๊กรอบนี้ เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน หรือเป็นสกัดขากันในวงการสีกากีกันแน่ 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 ศปอส.ตร. ได้เข้าจับกุมเครือข่ายเป็นธุระจัดหาบัญชี (บัญชีม้า) เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ โดยมีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันอื่นๆ ในพื้นที่เป้าหมาย รวม 4 จุด ในพื้นที่ กทม. และ จ.เลย

ตำรวจสามารถติดตามจับกุม น.ส.สุชานันท์ หรือธนัยนันท์ หรือมินนี่ (สงวนนามสกุล) น.ส.อรณี (สงวนนามสกุล) และนายณัฐวัตร (สงวนนามสกุล) พร้อมของกลาง และบัญชีธนาคารต่าง ๆ 100 รายการ รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท และพบเงินหมุนเวียนจากสมาชิกเว็บพนัน กว่า 50,000 ราย รวมกว่า 100 ล้านบาท

ต่อมามีการสืบสวนขยายผล ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของมินนี่ (สงวนนามสกุล) พบว่ามีการแชทไลน์คุยกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.ภ.4 ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน เนื่องจากจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ น.ส.สุชานันท์ พบมีการถ่ายภาพคู่กับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย แบบแนบชิดสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

น.ส.สุชานันท์ หรือธนัยนันท์ หรือมินนี่

 

 

 

 

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ มีการแจ้งเลขบัญชีม้าผ่านทางแชทไลน์ ของ น.ส.สุชานันท์ ด้วย โดยบัญชีม้าเป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายพุฒิพงษ์ พูนศรี (ผู้ต้องหาเรื่องการพนันออนไลน์และร่วมกันฟอกเงิน) และพบว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย เป็นผู้ถือบัญชีม้าด้วยตนเอง 

จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.สุชานันท์ ได้ฝากเงินสดจำนวนหนึ่งผ่านตู้ทีเอ็มเข้าบัญชีม้าดังกล่าว ให้กับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย (เป็นคนถือบัญชี) โดยได้ฝากเงินสด จำนวน 51 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 3,659,890 บาท เข้าบัญชีม้า ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายพุฒิพงษ์ พูนศรี

เส้นทางการเงินเครือข่ายเว็บพนัน โอนไปให้ใครบ้าง

นอกจากนี้ ยังมีเงินของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ที่โอนไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มูลค่ากว่า 2.8 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลคุณแม่ของบิ๊กโจ๊ก และมีการจ่ายเงินไปยัง บมจ. แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวิร์ก ทั้งหมด 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 48,682.34 บาท ซึ่งคาดว่าเงินที่โอนนี้เป็นค่าโทรศัพท์ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 - เมษายน 2566 ซึ่งในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2565 มีการโอนเงินแค่ครั้งเดียว แต่ในเดือนมกราคมและมีนาคม 2566 มีการโอนเงิน 2 ครั้ง ส่วนค่าโทรศัพท์นั้นใช้น้อยที่สุดคือ 3,251.73 บาท และใช้มากที่สุดคือ 11,951.37 บาท และพบอีกว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยังโอนเงินไปที่ ธ.กรุงไทย ให้คุณแม่ของบิ๊กโจ๊ก จำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 426,000 บาท และโอนให้กับน้องชายของบิ๊กโจ๊กอีก 410,000 บาท

 

 

 

ย้อนเหตุการณ์ตำรวจบุกค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก"

ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (สอท.) พร้อมชุดคอมมานโด ได้นำหมายค้นและหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าไปตรวจสอบบ้านของบิ๊กโจ๊ก และบ้านที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพัก รวมทั้งหมด 5 หลัง หลังตรวจสอบพบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ 

ตำรวจบุกค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก"

บิ๊กโจ๊กได้ออกมาหน้าบ้านในสภาพชุดนอน เสื้อสีขาว กางเกางขาสั้น ถุงเท้าสีขาว และแสดงท่าทีไม่พอใจ ตอนแรกปฏิเสธไม่ยอมให้ค้นบ้าน พร้อมตำหนิชุดพนักงานสอบสวน ก่อนร้องขอให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาร่วมตรวจค้นด้วยตัวเอง กระทั่ง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา (บิ๊กเจี๊ยบ) ผู้บัญชาการ สอท. ได้เดินทางมาถึงหน้าบ้านของบิ๊กโจ๊ก บิ๊กโจ๊กจึงยอมให้กำลังตำรวจตรวจค้นบ้านพัก โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วย

ตำรวจบุกค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก"

ออกหมายจับ "ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก" เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์

การบุกตรวจค้นบ้านของบิ๊กโจ๊กในครั้งนี้ มีการออกหมายจับตำรวจ 8 นาย ทั้งสัญญาบัตรและชั้นประทวน ซึ่งทั้งหมดอยู่ใต้บังคับบัญชาของบิ๊กโจ๊ก ซึ่งข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ และการฟอกเงิน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินจำนวนหลายล้านบาท ถูกโอนเข้าบัญชีของคนกลุ่มนี้ 

ถือเป็นหนึ่งในภารกิจของชุดปฏิบัติการพิเศษ ที่ขยายผลจากการจับกุม “มินนี่” เจ้าของเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ และทำการปูพรมตรวจค้นและปิดล้อม 30 จุดในทั้งหมด 6 จังหวัดทั่วประเทศ ก่อนจะออกหมายจับพบเรือน 15 ราย และนายตำรวจ 8 รายที่เป็นลูกน้องของบิ๊กโจ๊กนั่นเอง 

บิ๊กโจ๊กยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเว็บพนัน

แม้ตำรวจลูกน้องที่ใกล้ชิดจะถูกออกหมายจับ แต่จับบิ๊กโจ๊กไม่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด หลังจากพาตำรวจตรวจค้นบ้านเป็นที่เรียบร้อย และไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย บิ๊กโจ๊กก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวชนบริเวณหน้าบ้าน ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนัน แต่ถ้าหมายจับเป็นชื่อของลูกน้อง ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายและให้ลูกน้องไปชี้แจง ในส่วนของเว็บพนันและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บิ๊กโจ๊กชี้แจงว่าเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องการปราบปรามอย่างเดียว 

บิ๊กโจ๊กเชื่อเป็นแผน ดิสเครดิต ทำให้เสียชื่อ

บิ๊กโจ๊กได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่สโมสรตำรวจ ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำเกินกว่าเหตุและตัวเองไม่มีคดี แค่ต้องการทำให้เสียชื่อเสียง หรือการไปขอหมายศาลที่ไม่ได้บอกว่าเป็นบ้านของบิ๊กโจ๊กก็เป็นสิ่งที่ผิดปกติแล้ว พร้อมชี้ว่าทั้งหมดเป็น “เรื่องการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นการดิสเครดิตและทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง 

“เรื่องนี้เป็นการชกใต้เข็มขัด เป็นการดิสเครดิตผมอย่างเห็นได้ชัด มันมีหลายคดีที่งวดแล้ว แต่ไม่อยากกล่าวถึงใคร ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ใครทำผิดว่ากันไปตามกฎหมาย ใครละเมิดอำนาจศาลต้องดำเนินคดี” บิ๊กโจ๊กกล่าว 

ยืนยันว่ายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และมีการดำเนินคดีกลับทนายความดังที่กล่าวหาว่าบิ๊กโจ๊กมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทั้งนี้ หลายฝ่ายก็มองว่าบิ๊กโจ๊กได้รับมอบหมายให้ทำคดีใหญ่หลายคดี โดยเฉพาะคดี “กำนันนก” ที่ไปเกี่ยวข้องกับนายตำรวจใหญ่หลายนายและหลายฝ่าย จึงเกิดความไม่พอใจกันเองในวงการสีกากี

"บิ๊กโจ๊ก" ลั่นไม่เอาคืน แต่มีข้อมูลแน่น

วันที่ 27 ก.ย. 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซต์ไทยแลนด์ ระบุว่า

ผมไม่เอาคืนหรอกครับ แต่ข้อมูลผมมีมาก ผมเปิดเมื่อไรก็ตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยังไม่ขอบอก ผมไม่เอาคืน แต่ข้อมูลมีเยอะ ผมทำตรงไปตรงมาทุกคดี แต่เส้นทางการเงินมันพันกับหลายคน มันไม่ใช่ขี้ไก่แบบของผม เจ้าพ่อเว็บพนันไม่มีใครรู้จักผม และเขากลัวผมหมด ไอ้ที่ทำกับแบบนี้ทำก็ทำได้ แต่ผมยังรักษาองค์กรเอาไว้อยู่”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อธิบายถึงหลักการขอหมายจับ ถ้าเป็นตำรวจต้องไปขอศาลอาญาทุจริตกลาง แต่ครั้งนี้ที่ไม่ไปขอศาลอาญาทุจริตกลาง เพราะศาลนี้เข้มงวด ยิ่งถ้าเป็นนายตำรวจระดับสูง ยิ่งเข้มงวด เลยไปขอที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนี้ก็ไม่ใส่ยศเวลาขอหมาย สามารถใส่นายนำหน้าชื่อไปได้ ถือเป็นการปิดบังอำพรางหลอกศาล ยัดไส้ชื่อรวมกับพลเรือนไป

"บิ๊กโจ๊ก" ถูกแจ้ง ม.157 ม.149 เส้นทางการเงินโยงเว็บพนันมินนี่

วันที่ 21 ก.พ. 67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มาดูแลในคดีนี้ ซึ่งแบ่งออกเป็นสอง 2 คือ

  • สำนวนแรกที่มีผู้ต้องหาจำนวน 61 ราย
  • สำนวนที่ 2 มีผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย โดยหนึ่งในนั้น คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งสำนวนนี้ยังมีผู้ต้องหาเป็นตำรวจทั้งในและนอกราชการด้วย

โดยมีการร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตามมาตรา 157 กับ 149 และได้ส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว ขณะนี้ตำรวจและ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการหารือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ทำสำนวนคดีดังกล่าว เนื่องจากนายตำรวจที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และต้องการให้สำนวนมีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

การที่ตำรวจต้องการนำสำนวนคดีนี้กลับมาดำเนินการเองนั้นเนื่องจากคดีดังกล่าวได้มีการสืบสวนสอบสวนมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนก่อน อีกทั้งคดีหลักที่มีผู้ต้องหา 61 รายนั้น ยังมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

ตำรวจมีพยานหลักฐานว่า เงินจากบัญชีม้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งเงินจากบัญชีม้าดังกล่าวยังเชื่อมโยงไปถึงญาติพี่น้องของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ ที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซื้อบ้าน ซื้อรถ ค่าเทอม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายผล และเชื่อว่ายังมีเว็บไซต์พนันออนไลน์อื่นที่เกี่ยวข้องกับตำรวจคนนี้ด้วย และหากพบพยานหลักฐานก็จะถือว่าเป็นคดีใหม่ ซึ่งหากทาง ป.ป.ช.ได้มีมติว่าจะส่งสำนวนในคดีกลับมาให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการก็จะแจ้งข้อกล่าวหาฐานฟอกเงินเพิ่มเติมทันที ส่วนเรื่องระยะเวลาที่ ป.ป.ช.ใช้พิจารณานั้น ปกติแล้วใช้เวลาไม่นานก็จะมีผลการพิจารณาออกมาทันที

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจและ ป.ป.ช.ต้องการทำสำนวนนี้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเองหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามพยานหลักฐาน อีกทั้งตำรวจและ ป.ป.ช.ได้ทำงานโดยเป็นอิสระต่อกัน ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งหรือเล่นนอกเกม แต่ต้องการให้เรื่องนี้จบโดยเร็วเพราะมีหลายฝ่ายนำเรื่องนี้มาโจมตีสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้เกิดความเสียหาย 

“บิ๊กโจ๊ก” โต้เดือด! ยังไม่ถูกแจ้งข้อหา บริสุทธิ์ 100%

ล่าสุดวันนี้ 22 ก.พ. 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวหลังมีข่าวว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหา ตามมาตรา 157 และ149 หลังพบหลักฐานเส้นเงินจากเว็บพนันนั้น โดยชี้แจงว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการค้นบ้านตน มีการไปปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาลโดยไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านตน และมีการออกหมายจับลูกน้องตน 8 คน ก็ใช้ชื่อว่านาย ระบุว่าประกอบอาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล มองว่าก็เพื่อทำให้เสียชื่อเสียง

หลังแจ้งข้อกล่าวหาลูกน้อง วันดีคืนดีก็มีข่าวว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาตน และมีชื่อตนโผล่ในสำนวน เพื่อทำให้ตนเสียชื่อเสียง และมีการปล่อยข่าวว่าจะเรียกตนมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่สำนวนเมื่อส่งไปที่พนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนเพิ่มเติม หรือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว เว้นแต่อัยการจะสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมเท่านั้น แต่เอกสารที่อัยการทำถึงพนักงานสอบสวนคือเอกสารที่ถามว่าทั้ง 8 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้นผิดตรงไหน

กรณีมีการแถลงถึงสำนวนใน ป.ป.ช. จนมีข่าวว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตน ทั้งที่สำนวนดังกล่าวชงไปให้ ป.ป.ช.แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วทำไมวันนี้ถึงอยากจะเอาสำนวนกลับมา แล้วมีการแถลงว่า ป.ป.ช.ต้องส่งให้ตำรวจ ซึ่งเป็นการแถลงข่าวกดดัน ป.ป.ช. ทั้งที่ระบบของ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นระบบสอบสวนมีความน่าเชื่อถือ และรอบคอบกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจเสียอีก

จึงมีคำถามว่าทำไมตำรวจจึงอยากเอาสำนวนคดีดังกล่าวกลับมา และอยากถามว่าคุณเป็นใคร ยศอะไร ทำไมมาแถลงกดดัน ป.ป.ช. หรือไม่เชื่อมั่นระบบไต่สวนของ ป.ป.ช. ดังนั้นตำรวจยศใหญ่ๆ ควรออกมาพูดบ้าง อย่าทำตัวเป็นอีแอบ อย่าให้ลูกน้องแค่ยศเล็กๆออกมาพูด เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแบบนี้

การส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เมื่อส่งไปแล้ว ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ หากมีมูลก็จะต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริง จึงจะมีการไต่สวน ถึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาได้ และต่อให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วกฎหมาย ป.ป.ช.ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นการส่งเรื่องกล่าวหาตนนั้นเป็นแค่การตั้งข้อสังเกตเท่านั้น และยังไม่รู้ว่า ป.ป.ช.จะรับหรือไม่รับเลย วันนี้สรุปยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆกับผมทั้งสิ้น ผมยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 100%

ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ไม่มีเส้นเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีตน และไม่มีเส้นเงินจากบัญชีตนโอนเข้าเว็บพนัน ส่วนที่ลูกน้องตนใช้บัญชีม้านั้นก็ต้องเอาผิดลูกน้องตน แต่ไม่ใช่ว่าลูกน้องตนผิดแล้วตนจะผิดไปด้วย เพราะเขาทำอะไรบ้างตนจะรู้ไหม หากเขาผิดชัดเจนก็ต้องว่าไปไม่ใช่จะลากมาพันกับตน เพื่อให้ตนเสียชื่อเสียง และยืนยันว่าไม่มีเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีญาติตนด้วย

ตำรวจควรแข่งกันทำงาน อย่ามาแข่งกันอิจฉาริษยา

อยากฝากถึงตำรวจทุกนายว่าเรามาแข่งกันทำงานดีกว่าอย่ามาแข่งกันอิจฉาริษยา เพราะรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจไม่มีทางตามกันทัน แต่ยศ ตำแหน่งเป็นเรื่องบุญวาสนา เพราะฉะนั้นท่านอย่าไปอิจฉาเลย ตนยังไม่อิจฉาน้องๆ เลย

ทั้งนี้ปัจจุบันปัญหาเว็บพนันแล้วทำไม่ไม่ปราบให้หมด หน่วยปราบเว็บพนันไปทำอะไรอยู่ หรือปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ทำไมไม่ทำมานั่งขัดขาขัดแข้งกันอยู่ได้ ดังนั้นฝากเตือนน้องๆ ถ้ารู้ตัวว่าเดินผิดก็ให้รีบกลับตัวกลับใจ รีบถอนตัว เพราะเป็นการทำโดยไม่มีอำนาจสอบสวน

ส่วนกรณีตั้งข้อสังเกตว่าตนต้องการให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเพราะสนิทสนมกับกรรมการ ป.ป.ช.รายหนึ่งนั้น บอกว่า ยืนยันตนไม่ได้สนิทสนมกับกรรมการป.ป.ช. ไม่มีเบอร์ ไม่เคยโทรหา และตนยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องคดี แต่เป็นการดิสเครดิตตนล้วนๆ เพราะคดีไม่มีอะไร เพราะตนไม่ได้รับเงินเว็บพนัน อย่างไรก็ตามสังคมติดตามเรื่องนี้ วันนี้ตำรวจเราอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ก้ควรทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ตำรวจต้องทำงานอย่างมืออาชีพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related