svasdssvasds

นายจ้างตีลูกจ้างไม่ได้ กรณีเจ้าของร้านหมูกระทะลงโทษ พนง. มาสาย”

นายจ้างตีลูกจ้างไม่ได้ กรณีเจ้าของร้านหมูกระทะลงโทษ พนง. มาสาย”

“เปิดกฎหมายอาญา นายจ้างตีลูกจ้างหากทำผิดไม่ได้ กรณีเจ้าของร้านหมูกระทะลงโทษ พนง. ทำผิดกฎ ตัดเงินเพราะมาสายก็ทำไม่ได้

SHORT CUT

  • นายจ้างไม่สามารถใช้กำลังกับลูกจ้าง มีวิธีที่ถูกกฎหมายอีกมากที่สามารถใช้ลงโทษลูกจ้างที่ทำผิดระเบียบได้ เช่นสั่งให้พักงาน เป็นต้น
  • ไม่ว่าจะมาสาย 5 นาที 10 นาที หรือ 30 นาที ก็ไม่สามารถหักเงินลูกจ้างได้ แต่สามารถลงโทษด้วยวิธีอื่น 
  • การละเมิดแบบนี้ มีให้เห็นบ่อยในโรงเรียน ค่ายทหาร หน่วยงานราชการ วัด ฯลฯ ซึ่งสะท้อนว่าเมืองไทยเป็นดินแดน “เจ้าขุนมูลนาย” อยู่

“เปิดกฎหมายอาญา นายจ้างตีลูกจ้างหากทำผิดไม่ได้ กรณีเจ้าของร้านหมูกระทะลงโทษ พนง. ทำผิดกฎ ตัดเงินเพราะมาสายก็ทำไม่ได้

วันนี้ (29.มี.ค.67) เพจ อีซ้อขยี้ข่าว ได้เผยคลิป หญิงสาวเจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ใช้ไม้เรียวฟาดพนักงานชายในร้านกว่า 10 ครั้ง แบบเต็มเหนี่ยว เพียงเพราะมาสาย

หลังจากคลิปเผยแพร่ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นประมาณว่า “ไปแจ้งความเลยค่ะเจ้านายแบบนี้” “ไม่มีสิทธิ์ไปทำเขาแบบนั้นนะ” “ผิดก็ไม่ควรตีค่ะ” หรือ “ทำแบบนี้เข้าข่ายทำร้ายร่างกายได้เลยนะ” ซึ่งเวลานี้ คลิปดังกล่าวแชร์ไปบนโลกออนไลน์แล้วกว่า 1 หมื่นครั้ง

นายจ้างตีลูกจ้างไม่ได้ กรณีเจ้าของร้านหมูกระทะลงโทษ พนง. มาสาย”

นายจ้างทำร้ายร่างกายลูกจ้าง เสี่ยงคุก!

ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะถึงแม้นายจ้างจะอ้างว่าเป็นการลงโทษ แต่ก็ถือเป็นการระทำที่เข้าข่ายทำร้ายร่างกาย แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีสถานะเป็นนายจ้าง กับลูกจ้างก็ตาม

มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 295 ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 297 ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

อันตรายสาหัส คือ

(1) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท

(2) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์

(3) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด

(4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว

(5) แท้งลูก

(6) จิตพิการอย่างติดตัว

(7) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต

(8) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า

เมื่อดูจากในคลิป แม้จะไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้พิกลพิการ หรือหามส่งโรงพยาบาล แต่ถูกฟาดแบบนี้ ลูกจ้างก็สามารถแจ้งความเอาผิดได้เช่นกัน เพราะมีวิธีที่ถูกกฎหมายอีกมากมายที่นายจ้างสามารถใช้ลงโทษลูกจ้างที่ทำผิดระเบียบได้ เช่นสั่งให้พักงาน เป็นต้น

แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลว่าจะให้ชดใช้ถึงขั้นไหน ซึ่งศาลก็ต้องว่าไปตามความจริง

ลูกจ้างมาสาย หักเงินได้ไหม?

ลูกจ้างมาสาย หักเงินได้ไหม?

สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ ในคลิปมีการคอมเมนต์อ้างว่า กฎของร้านมาสาย โดนหัก นาทีล่ะ 5 บาท และลูกจ้างคนดังกล่าวก็ยอมโดนทำโทษแบบนี้แทนการหักเงิน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เพราะตาม มาตรา 76 พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 กำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่กรณีต่อไปนี้

  1. ชำระภาษีเงินได้ตามจำนวนที่ลูกจ้างต้องจ่ายหรือชำระเงินอื่นตามที่มีกฎหมาย
  2. ชำระค่าบำรุงสหภาพแรงงานตามข้อบังคับของสหภาพแรงงาน
  3. ชำระหนี้สินสหกรณ์ออมทรัพย์หรือเงินกู้อื่น ที่เป็นสวัสดิการของลูกจ้าง โดยได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากลูกจ้าง
  4. เงินประกันของเสียหาย หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายจ้างโดยลูกจ้างยินยอมเป็นครั้งคราวไป
  5. เงินสะสมตามข้อตกลง หรือเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

จากข้อกฎหมายจะเห็นได้ว่านายจ้างไม่สามารถหักเงินลูกจ้างได้ในกรณีมาสาย หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น ไม่ว่าจะมาสาย 5 นาที 10 นาที หรือ 30 นาที ก็ไม่สามารถ หักเงินลูกจ้างได้ แต่สามารถตักเตือนด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร ทำทัณฑ์บน พักงาน เพื่อเป็นการลงโทษแทน

นายจ้างตีลูกจ้างไม่ได้ กรณีเจ้าของร้านหมูกระทะลงโทษ พนง. มาสาย”

สุดท้าย ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดจากอะไร ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนไทยมีความตระหนัก ในเรื่องความเป็น “เจ้าของร่างกายตัวเอง” ต่ำมาก และมักยอมให้ผู้อื่นละเมิดทั้งร่างกาย และจิตใจ เพื่อให้เรื่องขัดแย้งผ่านไป และยังคงต้องพบเห็นการกระทำแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในค่ายทหาร โรงเรียน หน่วยงานราชการ ที่ทำงาน วัด หรือไม่เว้นแม้แต่ที่บ้าน ซึ่งสะท้อนว่าเมืองไทยยังคงเป็นดินแดนแห่ง “เจ้าขุนมูลนาย” อยู่

 

ที่มา Makro Horeca Academy / Business Plus

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

 

related