svasdssvasds

"ไข้หวัดนก" อันตราย! เช็กวิธีรับมือ-ป้องกันความเสี่ยง หลังกัมพูชาดับ 2 ราย

"ไข้หวัดนก" อันตราย! เช็กวิธีรับมือ-ป้องกันความเสี่ยง หลังกัมพูชาดับ 2 ราย

โรคไข้หวัดนก H5N1 ระบาดในกัมพูชา พบผู้ติดเชื้อเสียชีวิตแล้ว 2 ราย WHO เตือนสถานการณ์เข้าขั้น “น่าเป็นห่วง” เช็กวิธีรับมือ-ป้องกัน ได้ที่นี่

จากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชา เปิดเผยว่า เด็กหญิงวัย 11 ขวบเสียชีวิตจากไวรัส H5N1 และได้เริ่มทำการตรวจหาเชื้อไวัสจากผู้ติดต่อใกล้ชิดกับเด็กหญิงคนดังกล่าวจำนวน 12 ราย และพบว่าบิดาของเด็กหญิงดังกล่าวติดเชื้อไวรัส H5N1 ซึ่งล่าสุดเสียชีวิตแล้วเป็นรายที่สอง

 ด้านข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในคนทั่วโลก ตั้งแต่เดือน ม.ค.2546 - 13 ม.ค.2565 มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ใน 18 ประเทศ จำนวน 863 ราย เสียชีวิต 455 ราย คิดเป็น 53% ได้รับรายงานพบผู้ติดเชื้อรายสุดท้าย เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564 จากประเทศอินเดีย

 สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดนกในประเทศไทย ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค มีรายงานผู้ติดเชื้อระหว่างปี 2547-2549 พบผู้ป่วย 25 ราย เสียชีวิต 17 ราย หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่พบรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดนกตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน

 ข้อมูลจากระบบสารสนเทศเพื่อการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ปี 2565 สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ ไม่พบรายงานสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติจากโรคไข้หวัดนก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• กัมพูชาเร่งตรวจหาผู้ป่วยไข้หวัดนก หลังเด็กวัย 11 ปีเสียชีวิต พบเสี่ยง 12 ราย

• นายกฯ เฝ้าระวังไข้หวัดนกสายพันธุ์ H3N8 จากจีน หลังพบในคนครั้งแรกที่เหอหนาน

• พบคนป่วยไข้หวัดนก H1 รายแรกในสหรัฐฯ มีประวัติเคยกำจัดสัตว์ที่ติด H5N1

 ทั้งนี้นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในปีที่แล้วว่า ในการประเมินความเสี่ยงของโรคไข้หวัดนกในประเทศไทยอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศได้ เนื่องจากยังคงพบการระบาดของโรคนี้ในสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้าน และมีการเคลื่อนย้ายเข้าสู่ประเทศ จึงมีโอกาสที่จะแพร่ระบาดมาสู่สัตว์ปีกที่มีการเลี้ยงในบริเวณพื้นที่จังหวัดชายแดนของประเทศไทย

ข้อแนะนำในการป้องกันความเสี่ยงจากโรคไข้หวัดนก 

• รับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วย หรือตาย

• หากไปที่ตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิต ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ รวมทั้งพื้นผิวที่สัตว์เหล่านั้นอยู่

• ห้ามนำซากสัตว์ปีกที่ป่วยตายไปรับประทานหรือให้สัตว์อื่นกิน และต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

• หากต้องสัมผัสกับสัตว์ปีกในระยะที่มีการระบาดในพื้นที่ ให้สวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ ล้างมือบ่อยๆ และทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีกและสารคัดหลั่งของสัตว์ปีก ด้วยน้ำสบู่

• สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องจำกัดการเดินทาง

• ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ปีก รวมทั้งนกในธรรมชาติ

• หากมีอาการเป็นไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีก ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติสัมผัสโรค หรือแจ้งประวัติการเดินทาง

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ในช่วงที่ H5N1 มีการระบาดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลายชนิดและในหลายพื้นที่ การติดเชื้อจากสัตว์สู่คนในภูมิภาคใกล้เคียงกับประเทศไทยจึงเป็นอะไรที่ต้องเฝ้าระวังอย่างจริงจัง

 การติดเชื้อได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมดีขึ้น ทำให้ส่วนตัวกังวลไปที่สุกรเพราะสุกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ติดไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดี และ สามารถเป็นแหล่งสร้างไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้ เหมือนกรณีไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มาจากสุกรสู่คนเช่นกัน”

related