กัมพูชาเร่งตรวจหาผู้ป่วยไข้หวัดนก หลังเด็กวัย 11 ปีเสียชีวิต พบเสี่ยง 12 ราย

(WHO) องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับทางการกัมพูชา หลังรายงานว่าพบผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 ใน 2 รายใน 1 ครอบครัวในประเทศ

ดร.ซิลวี ไบรด์ ผู้อำนวยการฝ่ายโรคระบาดและการเตรียมความพร้อมและการป้องกันโรคระบาด กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการบรรยายสรุปออนไลน์ว่าองค์การอนามัยโลกกำลังทบทวนการประเมินความเสี่ยงทั่วโลกเมื่อพิจารณาจากพัฒนาการล่าสุด

หน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติยังคงประเมินความเสี่ยงต่อมนุษย์จากไข้หวัดนกครั้งล่าสุดว่าต่ำเมื่อต้นเดือนนี้

แต่เมื่อวันพฤหัสบดี ทางการกัมพูชารายงานการเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 11 ปีเนื่องจากโรค H5N1 และเริ่มตรวจผู้ติดต่อของเธอ 12 ราย พ่อของเธอซึ่งเคยมีอาการต่าง ๆ ได้ตรวจพบว่าเชื้อนี้ติดเชื้อไวรัสด้วย.

'สถานการณ์ H5N1 ทั่วโลกน่าเป็นห่วงเนื่องจากไวรัสที่แพร่กระจายไปทั่วโลกและมีรายงานเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมทั้งมนุษย์ องค์การอนามัยโลกถือว่าความเสี่ยงจากไวรัสนี้เป็นเรื่องจริงจังและกระตุ้นให้มีการเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นจากทุกประเทศ. "

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ามีการติดต่อระหว่างมนุษย์กับมนุษย์หรือไม่ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่จะมุ่งเน้นไปที่เคสที่พบในกัมพูชา โดยหากทั้งสองกรณีเกิดจาก "'สภาพแวดล้อมเดียวกัน" ซึ่งน่าจะเป็นการติดต่อใกล้ชิดกับนกที่ติดเชื้อหรือสัตว์อื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• นักวิจัยจีน ค้นพบต้นตอเชื้อไขัหวัดนก H5N1

• 5 โรคติดต่อระหว่างสัตว์เเละคน ที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

H5N1 สายพันธุ์ใหม่ที่มีสายพันธุ์ย่อย 2.3.4.4b เกิดขึ้นในปี 2563 และทำให้มีการล้มตายเป็นประวัติการณ์ในกลุ่มนกป่าและสัตว์ปีกในหลายประเทศในช่วงไม่กี่เดือนทีผ่านมา และยังทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมติดเชื้อ ทำให้เกิดความกังวลทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนการระบาดของโรค H5N1 ในช่วงก่อนหน้านี้ซึ่งมีมานานกว่าสองทศวรรษ สายพันธุ์ย่อยนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างมีนัยสำคัญในคน จนถึงขณะนี้มีเพียงประมาณ 6 คนเท่านั้นที่มีรายงานต่อองค์การอนามัยโลกในคนที่ติดต่อใกล้ชิดกับนกที่ติดเชื้อ และส่วนใหญ่เป็นนกที่อ่อนแอ.

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกกล่าวว่ากำลังเร่งความพยายามในการเตรียมความพร้อมและสังเกตว่ามียาต้านไวรัสและวัคซีนป้องกันโรคระบาดที่ได้รับอนุญาต 20 ชนิดหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับสายพันธุ์ H5N1 ที่แพร่กระจายอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นหากจำเป็น

ริชาร์ด เว็บบี้ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือเพื่อการศึกษาด้านนิเวศวิทยาของไข้หวัดใหญ่ในสัตว์และนกขององค์การอนามัยโลก กล่าว การพัฒนาวัคซีนตัวใหม่อาจใช้เวลา 3-4 เดือน  อย่างไรก็ตาม ในช่วงดังกล่าว วัคซีนบางชนิดที่สะสมไว้จะสามารถใช้ได้

ห้องปฏิบัติการขององค์การอนามัยโลกมีไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2 สายพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไวรัส H5N1 ที่กำลังแพร่กระจายอยู่ ซึ่งผู้ผลิตสามารถใช้ในการพัฒนายาตัวใหม่หากจำเป็น การประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกในสัปดาห์นี้เสนอให้มีการพัฒนาวัคซีนใหม่ที่มีความใกล้เคียงกับไวรัส H5N1 สายพันธุ์ 2.3.4.4b มากขึ้น