svasdssvasds

"เพื่อไทย" ไม่เซ็นสัญญาประชาคม เหตุไม่ตอบโจทย์ เซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์

"เพื่อไทย" ไม่เซ็นสัญญาประชาคม เหตุไม่ตอบโจทย์ เซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

"เพื่อไทย" ไม่เซ็นสัญญาประชาคม เหตุไม่ตอบโจทย์ เซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์

"เพื่อไทย" ไม่เซ็นสัญญาประชาคม เหตุไม่ตอบโจทย์ เซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์

- 20 ก.ค. 60 -  พรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ความเห็นต่อร่างสัญญาประชาคมและกระบวนการสร้างความปรองดอง ของรัฐบาลและ คสช. โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 3/2560 แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) และต่อมาได้มีคำสั่งที่ 7/2560 แต่งตั้งคณะกรรมการย่อยในคณะกรรมการ ป.ย.ป. รวม 4 ชุด ซึ่งรวมถึง คณะกรรมการเตรียมการเพื่อการสร้างความสามัคคีปรองดอง โดยคณะกรรมการชุดนี้ ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ เพื่อจัดทำสัญญาประชาคม และต่อมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ได้มีการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อชี้แจงร่างสัญญาประชาคมดังกล่าว มีข้อสรุปรวม 10 ข้อนั้น 

"เพื่อไทย" ไม่เซ็นสัญญาประชาคม เหตุไม่ตอบโจทย์ เซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์


พรรคเพื่อไทยได้ติดตามการดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ย.ป. และคณะกรรมการย่อย ในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด และได้ออกแถลงการณ์ พร้อมทำหนังสือ รวมถึงเสนอความเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ ไปหลายครั้ง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกระบวนการสร้างความปรองดอง ในรูปแบบดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า กระบวนการสร้างความปรองดองตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่สามารถที่จะนำไปสู่การสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง เนื่องจากคณะกรรมการที่มาทำหน้าที่สร้างความปรองดองล้วนมาจากฝ่ายการเมือง ข้าราชการระดับสูงและกองทัพ ทั้งหมด โดยพรรคเพื่อไทยได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระที่มาจากทุกภาคส่วนเป็นผู้ดำเนินการ และเสนอให้มีการศึกษาถึงต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้งอย่างแท้จริงเพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ไขที่ถูกต้อง และได้เสนอว่าการจะสร้างความปรองดองนั้นจะต้องสร้างบรรยากาศแห่งความเป็นประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ประชาชน นักวิชาการ และสื่อมวลชน ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี 

 เมื่อพิจารณาจากร่างสัญญาประชาคมทั้ง 10 ข้อแล้ว เห็นว่า

 1. มีเนื้อหาที่ไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหรือนำไปสู่การสร้างความสามัคคีปรองดองแต่อย่างใดเลย เป็นเพียงคำแนะนำสำหรับประชาชนหรือกำหนดหน้าที่ประชาชนคนไทยในการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีข้อสัญญาจากฝ่ายกองทัพ องค์กรในกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุปัญหาความขัดแย้งว่าจะปฏิบัติหน้าที่ของตนตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด และจะไม่ใช้อำนาจไปก้าวก่ายแทรกแซงในทางการเมืองไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ หรือ   มีข้อสัญญาว่าจะดำรงความยุติธรรมด้วยความถูกต้องเที่ยงธรรมไม่เลือกปฏิบัติ เป็นต้น

 

2. ไม่ได้มีการศึกษา วิเคราะห์ ต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้งที่แท้จริง สิ่งต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทย ได้เสนอเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง อันจะนำไปสู่การสร้างความปรองดอง ก็ไม่ได้มีการนำเอาไปปฏิบัติหรือปรากฏอยู่ในร่างสัญญาประชาคม แต่อย่างใด เพราะการจะแก้ปัญหาความขัดแย้งต้องรู้ต้นเหตุ     ของปัญหา และยอมรับต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในแต่ละเหตุได้อย่างถูกต้อง

 

3. การจะสร้างความสามัคคีปรองดองนั้น รัฐบาลและ คสช. ต้องปฏิบัติหน้าที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง เคารพซึ่งความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า การปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน นักวิชาการ และสื่อมวลชน การสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง และการทำลายล้างทางการเมืองต่อฝ่ายตรงข้าม ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จึงเห็นว่า กระบวนการสร้างความปรองดองและสัญญาประชาคมที่จัด ทำขึ้น โดยไม่เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้องและปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง จะไม่นำไปสู่ความปรองดองที่ปวงชนชาวไทยคาดหวัง และตราบใดที่หลักนิติธรรมยังถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลยังไม่ได้รับการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ปัญหาความขัดแย้ง ก็ไม่อาจจะลดลงได้ เนื้อหาของร่างสัญญาประชาคมหลายเรื่องที่จัดทำขึ้นเป็นสิ่งที่ได้ปฏิบัติเป็นปกติ อยู่แล้ว แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์ต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความสามัคคีปรองดอง การลงนามหรือให้สัตยาบันจึงไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด 

related