svasdssvasds

หมดกัน"นารีขี่ม้าขาวชาวแดง"! ใส่หน้ากาก-สวมหมวกอำพรางเผ่นเขมร ฉีกภาพนารีผู้กล้าที่ลิ่วล้ออวยจนสิ้น แถมอาจทุลักทุเลคาด่านชายแดน

หมดกัน"นารีขี่ม้าขาวชาวแดง"! ใส่หน้ากาก-สวมหมวกอำพรางเผ่นเขมร ฉีกภาพนารีผู้กล้าที่ลิ่วล้ออวยจนสิ้น แถมอาจทุลักทุเลคาด่านชายแดน

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

หากเกาะติดกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง พร้อมนายทหารฝ่ายกฎหมายของ คสช. คุมตัว 3 นายตำรวจจากนครปฐมมาสอบสวนกรณีพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หาออกชายแดนเขมร จะพบว่าคำสารภาพของ 3 นายตำรวจมะเขือเทศน่าสนใจอย่างยิ่งยวดทีเดียว...

โดยเฉพาะคำให้การของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ซึ่งถูกนำตัวมาสอบบสวนหลังสืบทราบว่า เป็นผู้ครอบครองรถยนต์โตโยต้าคัมรี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าเป็นรถคัดเดียวกับที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ จ.สระแก้ว และสงสัยว่าพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมนั้น...สะท้อนอะไรบางอย่าง...โดยเฉพาะลักษณาการอำพรางตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ ส่วนตัวขณะหลบหนี...ซึ่งแน่ชัดแล้วว่า...เธอไม่ได้เป็น "นารีขี่ม้าขาวของชาวแดง" หรือวีรสตรีผู้กล้าของชาวรากหญ้า...ที่ลิ่วล้อพยายามหลับหูหลับตาอวยอะไรนั่นเลย...ตรงกันข้าม เธอไปแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แม้แต่ใบหน้ายังให้คนอื่นเห็นไม่ได้

โดยในคำสารภาพยืนยันเรื่องนี้ชัดเจน เหตุ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ให้การว่า ทั้งหมดเริ่มจากการที่เขา ขับรถสายตรวจทะเบียนตราโล่ไปรอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ลานจอดรถห้างโลตัส สาขาวัชรพล (ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์) และเมื่อเธอนั่งรถเบนซ์สีดำส่วนตัวเข้ามา จากนั้นรถ 2 คันมุ่งหน้าไปยังมู่บ้านชัยพฤกษ์ ย่านวัชรพล ซึ่งเป็นบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เพื่อทำการเปลี่ยนรถเป็นรถยนต์คัมรี่ และมีตนเอว คือ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์เป็นคนขับ

ทั้งนี้ ในคำรับสารภาพ ระบุชัดว่า นับจากออกจากบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ ได้อำพรางรูปโฉม ด้วยการคาดหน้ากากอนามัยสีดำ และสวมหมวกสีดำอย่างมิดชิด ซึ่งนั่นสะท้อนชัดโดยตัวเองอยู่แล้วว่า เป็นการเดินทางที่ผิดปรกติวิสัยของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป...และแทบไม่ต่างอะไรกับ...ภาพข่าวการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในคดีต่างๆ ที่ผู้ต้องหามัก อำพรางใบหน้า ด้วยการคาดหน้ากากอนามัย และสวมหมวกสีดำอย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นที่จดจำของสังคม

แล้วจะว่าไปแล้ว...การเดินทางในเที่ยวหนนั้นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แทบจะสลับภาพ นารีขี่ม้าขาวของชาวแดง" ที่ลิ่วล้ออวยกันมาตลอดว่า เธอหาญกล้าท้าทายอำนาจเผด็จการด้วยการเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างองอาจ โดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำชาวแดง และอีกหนึ่งกองเชลียร์ตัวเอ้ของ "หญิงปู" ถึงกับยกย่อง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ว่ายิ่งใกล้วันพิพากษา ยิ่งลักษณ์กลับยิ่งเยือกเย็น หนักแน่น และสง่างาม

แต่ไม่ทันที่คำพูดของแกนนำแดงจะแผ่วหายไป จากนั้นอีกเพียงแค่วันหรือ 2 วัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับคาดหน้ากากอนามัยสีดำ และสวมหมวกสีดำเผ่นออกเขมรไปเสียแล้ว ไม่ไว้หน้าลิ่วล้อผู้ภักดีเลยสักนิด

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ออกมาเปิดเผยว่า เชื่อว่า เส้นทางที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้หลบหนีผ่านชายแดนออกไปนั้น เป็นช่องทางบ่อนกาสิโน-ที่นักพนันทั้งหลายใช้เข้า-ออกกัน

"เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกทางด่านอรัญประเทศแน่นอน แต่ยังไม่ทราบออกทางช่องไหน เนื่องจากมีหลายช่อง แต่เชื่อว่าเป็นช่องทางออกไปบ่อน" รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุ

คำกล่าวของบิ๊กป้อม สอดคล้องกับแหล่งข่าวหน่วยความมั่นคงที่ยืนยันว่า นอกจากช่องทางบ่อนกาสิโนแล้ว ก็อาจมีช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจใช้ แต่ชายแดนมีคลองลึกที่มีความกว้างประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร ซึ่งสามารถใช้ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านได้ทุกจุดเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เมื่อประมวลคำให้การของ 3 นายตำรวจ และข้อมูลจากปากของ "บิ๊กป้อม" และแหล่งข่าวหน่วยความมั่นคงแล้ว คงเห็นภาพว่า ค่ำคืนของการหลบหนีคำพิพากษาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ ส่วนตัวในคืนวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา คงทุลักทุเลพอดู และคงทำให้ภาพ "นารีขี่ม้าขาวของชาวแดง" ที่ลิ่วล้ออวยกันแบบไม่มีเค้ารางของความเป็นจริง...มลายหายไปจนสิ้น

...ถึงวันนี้ วันที่ร่องรอยของเธอถูกเปิดเผย ด้วยปากคำของตำรวจมะเขือเทศที่ช่วยขับรถให้เธอเอง และถึงแม้เธอจะยังคงกบดานนิ่งเงียบอยู่ แต่เชื่อแน่ว่า หลังวันที่ 27 กันยาฯ เมื่อศาลฯ อ่านคำพิพากษาคดีนี้ลับหลังไปแล้ว...รับรองเธอ...โผล่ออกมาเคลื่อนไหวแน่...แต่จะด้วยวิธีไหนแค่นั้น...

related