เกรซ-นรินทร ชฎาภัทรวรโชติ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 และ แบรนด์แอมบาสเดอร์ กรมสุขภาพจิต

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคมนี้ เวลา 21.00 น. เราก็จะได้มาลุ้นรอบตัดสิน “มิสเวิลด์ 2019” โดยชมผ่านการถ่ายทอดสดสัญญาณส่งตรงจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Miss World - Thailand 

โดยสามารถร่วมโหวตให้ เกรซ นรินทร ผ่านเว็บไซต์ Miss World โดยเริ่มจาก Sign up เพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย E-mail หรือ Facebook ด้านบนมุมขวาไอคอนรูปตัวคน หลังจากนั้น กดเลือกหัวข้อ Vote แล้วเลื่อนหา Narintorn Thailand และ กด vote หรือ โหลดแอปพลิเคชัน Mobstar แล้วลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย E-mail หรือ Facebook แล้วเลือก Discover ค้นหา People แล้วพิมพ์ชื่อ Grace Narintorn หลังจากนั้นกด Follow ปัดรูปไปทางขวาหรือกดดาว จะขึ้นคำว่า “Love it!” ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้เข้ารอบโดยอัตโนมัติ

ประวัติ เกรซ-นรินทร ชฎาภัทรวรโชติ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 และ Brand ambassador กรมสุขภาพจิต

เกรซ-นรินทร ปัจจุบัน อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอกจิตวิทยา เข้าร่วมการประกวดนางงามครั้งแรกโดยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว เธอเลือกเรียนด้านจิตวิทยาเพราะมีความสนใจและทำให้เข้าใจมนุษย์มากขึ้น เปลี่ยนระบบความคิดในการมองโลกให้ดีขึ้นได้ และด้วยภาวะที่สังคมเปราะบาง มีความเครียด มีข่าวเรื่องการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง เธอจึงริเริ่มทำโครงการจิตอาสาชื่อว่า Let me hear you ให้คำปรึกษาในด้านจิตวิทยา โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า กรมสุขภาพจิตจึงมอบตำแหน่ง “แบรนด์แอมบาสเดอร์ กรมสุขภาพจิต” รวมถึงร่วมทำโครงการ let me hear you นี้กับมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2019 ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าให้กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เป้าหมายเพื่อผลักดันให้คนไทยมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นผ่านทักษะ “การรับฟัง” ซึ่งกันและกัน

เกรซ เป็นพี่สาวคนโต โดยมีน้องชาย 1 คน และยังเป็นหลานตาของ นายศักรินทร์ บุญฤทธิ์ เอลวิสเมืองไทยรุ่นแรก และมีคุณยายเป็นอดีตนางแบบชื่อดังยุค ดวงฤดี พูนวัฒน์ รวมทั้งเคยเข้าประกวดนางสาวไทยในปี 2511 แสงเดือน แม้นวงศ์ ดำรงตำแหน่งนางสาวไทย โดยคุณยายของเธอได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวดมิสเอเชีย แปซิฟิก และเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย

การประกวด Miss World ชิงมงฟ้าที่ลอนดอนครั้งนี้ ได้ให้กรมสุขภาพจิตช่วยดูทิศทางของโครงการ Beauty with a purpose เป็นโครงการเพื่อสังคมของคนที่จะไปประกวด ซึ่งเกือบทั้งหมดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเป็นโครงการแนว เพื่อนหญิง พลังหญิง เพศเท่าเทียม ไม่รุนแรง ลดเหยียด เกือบทุกประเทศ และแน่นอนโครงการด้านสุขภาพจิตอย่าง “Let me hear you” เป็นโครงการที่แตกต่างไปจากปกติ ซึ่งเกรซกล่าวถึงโครงการ Let me hear you ว่า ไม่ได้คิดว่าทำแค่เพื่อประกวด อยากทำโครงการนี้ต่อไปจริงๆ “หนูไม่เหนื่อยเลยค่ะ สนุกมาก กดดันกว่านี้ก็ผ่านมาได้“

ดร.นพ. วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิตและจิตแพทย์ กล่าวผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวว่าได้เกิดสงสัยในคำกล่าวถึงการผ่านความกดดันของเธอมาได้ จึงได้สืบค้นข้อมูลของเกรซว่าเธอเจออะไรมา พบว่าเกรซเคยผ่านการถูก bully มาอย่างหนักหน่วง เอาเป็นว่าโดนหนักกว่าคนไข้ที่ต้องมารักษากับหมอเพราะถูก bully เสียอีก ความจริงนี้ทำให้หมอสะอึก เพราะในตอนแรก คุณหมอยอมรับว่าตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยต่อต้านนางงามเหมือนกัน ซึ่งมันก็พื้นฐานเรื่อง stereotyping, discrimination เหมือน bully

“เมื่อลงพื้นที่เกรซกางแขนกว้างให้คุณยายท่านหนึ่ง คุณยายมีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนที่น้ำตาของยายจะไหลลงมาอาบตรงแก้มทั้งสองข้างและรับอ้อมกอดของเกรซ โดยเกรซพูดว่าหนูมาให้กำลังใจคุณยายค่ะ และยายก็บอกขอบคุณที่มา ยายดีใจมาก ในใจผมตอนนั้นอยากเขกหัวตัวเองหนักๆ 3 ที กับการต่อต้านสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริง ผมมองภาพที่เกิดขึ้นแล้วมองธงชาติไทยบนเสื้อกั๊ก MCATT(หน่วยวิกฤติสุขภาพจิต) ที่น้องใส่อยู่ ผมเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Let me hear you การที่น้องได้นำเรื่องสุขภาพจิตที่น้องได้ลงมือทำจริงๆ ไปฉายให้คนทั่วโลกเห็นนั่นก็เป็นกำไรเหมือนที่น้องเคยพูด มาร่วมส่งกำลังใจให้น้องเกรซชิงมงฟ้ามาให้ได้ เรื่องสุขภาพจิตไทยจะได้กลายเป็นเรื่องสุขภาพจิตโลก เราทุกคนต่างสูญเสียเพื่อน สูญเสียครอบครัว ให้กับโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายมามากมาย สำหรับผมเรื่องนี้มันได้เลยขอบเขตของการประกวด Miss World ไปแล้ว เพราะนี่ คือการช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ก่อนเดินทางไปชิงมงฟ้า เกรซได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่มีแฟนนางงาม ครอบครัว ญาติๆ เดินทางมาส่ง มาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก เธอขอบคุณมากจริงๆ การเดินทางครั้งนี้ไปร่วม 1 เดือน คงคิดถึงครอบครัวมาก แต่ก็มีแรงผลักดันในการทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทย เธอต้องนึกถึงเป้าหมายข้างหน้า อยากเอามงฟ้ามาฝากคนไทยเพื่อเป็นของขวัญให้ทุกคน การเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจคือพร้อมมากร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้ศึกษาข้อมูลคู่แข่งขันประเทศต่างๆ เพื่อเรียนรู้ทั้งเขาและเรา ส่วนชุดที่เข้าร่วมประกวดขนไปร่วม 50 ชุด กับกระเป๋าเดินทางจำนวน 8 ใบ

สำหรับชุดที่เตรียมเข้าร่วมการประกวด

ชุดประจำชาติ เป็น ชุดไทยประยุกต์ ออกแบบและตัดเย็บโดย คุณธิติ ชนะชัย ห้องเสื้อ Thee-Si Couture ได้แรงบันดาลใจจากการแต่งกายของสตรีช่วงปี 1910 หรือ ยุค Edwardian ซึ่งตรงกับช่วงที่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรป และเมื่อเสด็จกลับพระองค์ได้นำศิลปะแบบตะวันตกมาประยุกต์ใช้ในสยามประเทศ เป็นยุคที่อารยธรรมนานาประเทศแพร่หลายเป็นอย่างมากในสยาม เสื้อผ้าจะมีความสวยงาม ความละเอียดละออ อีกทั้งยังมีการนำผ้าลูกไม้มาใช้ รวมไปถึงผ้าต่างๆ อีกมากมาย ในครั้งนี้ผ้าที่นำมาตัดเย็บคือผ้าไหมสีแดงจากศูนย์ศิลปาชีพมาตัดเย็บร่วมกับผ้าลูกไม้เพิ่มความหรูหราด้วยการปักเพื่อเกิดความโดดเด่นเมื่อสวมใส่

ชุดราตรี ออกแบบและตัดเย็บโดย คุณวุฒิชัย แก้วหล้า ห้องเสื้ออันคุนิยะ (Unkuniya) แรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานความเป็นไทยสู่สากลอย่างลงตัวเรียงร้อยผ่านศาสตร์และศิลป์ ด้วยงานปักแบบงาน “โขน” ซึ่งจะสื่อถึงวรรณกรรมของไทย ด้วยเทคนิคการปักแบบราชสำนักโบราณที่ยังคงตราตรึงในประวัติศาสตร์ไทย ให้ออกมาสวยงามทันสมัยแบบสากลกับโครงชุดหลักแบบเกาะอกทรงสอบ ปักลวดลายแบบไทยประยุกต์ โดยตัวชุดจะเป็นพื้นผ้าไหมแบบบาง แล้วเสริมด้วยเพชรและอัญมณี ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม การประกวดครั้งนี้มีรางวัลพิเศษ ที่เข้ารอบแบบอัตโนมัติ 6 รางวัล ด้วยกัน

1. Miss World Beauty with a Purpose

2. Miss World Top Model

3. Miss World Multimedia Award

4. Miss World Top Sports

5. Miss World Talent

6. Miss World Head to Head Challenge

อย่าลืมมาร่วมเป็นกำลังใจและร่วมเชียร์เกรซ-นรินทรด้วยกันคืนวันเสาร์นี้