ลองใช้ชีวิตแบบ 1 Day trip รอบกรุงเทพฯ ดู ว่าคนไทยมีการปรับตัวยังไง แล้ววิถีชีวิตแบบใหม่ New normal จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างนะ ?
วันนี้เราได้ลองออกไปข้างนอกดูหลังจากกักตัวอยู่ในบ้านมาสักระยะ เลยเก็บภาพมาฝากกันจ้า ว่ามาตรการป้องกันใดๆ นั้นพร้อมแค่ไหนกับการใช้ชีวิตปกติในยุคโควิด-19 นี้
เริ่มที่การทำบุญ เราไปวัดดังย่านใจกลางเมืองอย่าง วัดหัวลำโพง ซึ่งจากการสอบถามมา จนท.บอกว่าในช่วงเวลาที่คนเยอะ จะมีการจำกัดการเข้าสู่ตัวอาคาร และให้ทำบุญแบบโต๊ะเว้นโต๊ะ แต่ช่วงที่เราไปคนน้อยมาก เลยไม่ได้มีการจำกัดจำนวนคนค่ะ แต่เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ ที่นี่เค้าจัดเต็มให้มากๆ วางอยู่ทุกจุดเลยทีเดียว
ทางเข้ารถไฟฟ้าใต้ดิน Mrt มีการตรวจวัดไข้ ก่อนเข้าใช้งาน และมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือวางไว้ให้ ซึ่งมีการนำแผ่นอะคลิลิคในมากั้นระหว่างที่ตรวจวัดอุณหภูมิกับลูกค้า เพื่อเพิ่มระยะของ Social Distancing ด้วย
ส่วนรถไฟฟ้า BTS ก็มีการตรวจวัดอุณหภูมิและมีเจลล้างมือบริการเช่นกัน บนชานชาลาก็มีการมาร์กจุดให้ยืนรอรถไฟฟ้าแบบเว้นระยะห่าง และด้านในขบวนรถไฟก็ให้นั่งแบบที่นั่งเว้นที่นั่งด้วยจ้า
ที่ Community Mall ชื่อดังอย่าง Gump’s Ari แหล่งรวมคาเฟ่และรวมตัวของวัยรุ่น วันนี้ดูเงียบเหงาเพราะคนบางตากว่าเดิมมากๆ มีการวัดไข้ก่อนเข้าด้านในเหมือนที่อื่นๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการนำสติกเกอร์มาแปะไว้ให้เว้นระยะห่างของที่นั่ง และจัดเก้าอี้ให้ห่างกันด้วย
และที่สำคัญ มีป้ายติดหน้าร้านทุกร้าน ถึงวิธีป้องกันตนเอง และข้อควรปฏิบัติในการเข้าใช้บริการด้วย
ในห้างตามจุดประชาสัมพันธ์ หรือเคาท์เตอร์ต่างๆ ก็จะมีฉากใสกั้น ตามแบบฉบับ Social Distancing
และแน่นอนว่า ระยะห่างระหว่างการนั่ง ก็ต้องมีเป็นเรื่องปกติ
ในส่วนของร้านอาหาร หรือศูนย์อาหาร ก็ต้องมีฉากใสกั้นทั้งที่ร้านอาหาร และบนโต๊ะอาหาร
และนี่ก็คือการใช้ชีวิตแบบ New Normal วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ที่คนไทยกำลังปรับตัวอยู่ ซึ่งจากที่เราได้เจอก็รู้สึกว่า คนไทยปรับตัวได้ไว และใช้ชีวิตได้แบบปกติมากๆ เลยล่ะ ซึ่งถ้าเราสามารถรักษาการ์ดได้ดีแบบนี้ รับรองว่ามาตรการณ์ล็อกดาวน์คงไม่กลับมา ถึงต่อให้ยังไม่มีวัคซีน เราก็จะไม่รู้สึกว่าวิถีชีวิตของเรานั้นแปลกไปค่ะ