‘มินิโซ’ เปิดอินไซต์ วัยรุ่นไทยชอบสินค้าลิขสิทธิ์ ‘แฮรี่พ็อตเตอร์’ ลุยเจาะเจนZ-อัลฟ่า

เปิดอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ Flagship Store สาขาแรกในไทยของ MINISO LAND โดยมาพร้อมพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ใจกลางสยามสแควร์ พร้อมทั้งได้ชู 3 จุดเด่น คือ คอลเลกชันใหม่ ‘Disney’s Zootopia’โดยเป็นการออกมาปรากฏตัวครั้งแรกนอกประเทศจีน, คาแรคเตอร์ไก่มวยไทย DUNDUN และสินค้าลิขสิทธิ์กว่า 80 คาแรคเตอร์ โดยเฉพาะ Harry Potter ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่วัยรุ่นไทย

พร้อมกันนี้ มินิโซ ได้เปิดอินไซต์ผู้บริโภคชาวไทยว่า วัยรุ่นไทย โดยเฉพาะ คนเจน Z-อัลฟ่า ได้ให้ความสำคัญกับการรวมสินค้าลิขสิทธิ์ เข้ากับการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุก และอินเทอร์แอกทิฟ  (สินค้าภายในร้าน 80% เป็นสินค้าลิขสิทธิ์) และกลุ่มวัยรุ่นไทย ชื่นชอบสินค้าลิขสิทธิ์จากแฮรี่ พ็อตเตอร์ค่อนข้างมาก โดยนอกจากกรุงเทพฯ  มินิโซยังเปิดร้านในจุดหมายปลายทางระดับโลกมาแล้วหลายแห่ง ทั้งไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก, อ็อกซ์ฟอร์ดสตรีท ในลอนดอน และ ฌ็องเซลิเซ่ ในปารีส

‘จุน หวัง’ (Jun Wang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มินิโซ ประเทศไทย เผยว่า MINISO LAND ประเทศไทยนี้เป็นสาขาที่ 16 ของบริษัท ส่วนสาขาแรกเปิดที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อปี 2024 โดยคุณจุน หวังกล่าวว่า สามารถทำสถิติยอดขายต่อเดือนได้สูงกว่าร้าน MINOSO ธรรมดาหลายเท่าตัว สำหรับ INISO LAND ประเทศไทย ได้นำแนวคิด  Life is for fun มาใช้ค่อนข้างเต็มรูปแบบ เช่น ทางเข้าที่มีบูธของ Zootopia รอต้อนรับ ก่อนจะนำไปสู่สินค้า IP มากมายที่หลายคนชื่นชอบ เช่น Harry Potter, Sanrio, Disney’s Stitch, มิกกี้ เมาส์, วันพีซ, บาร์บี้ ฯลฯ ในหมวดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ของเล่น ของตกแต่งบ้าน ของใช้เดินทาง น้ำหอม และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมสินค้ากว่า 8,300 รายการ รวมคาแรกเตอร์กว่า 80 ตัว

นอกจากนี้ยังมี DunDun คาแรคเตอร์ไก่สวมกางเกงมวยไทย พร้อมลายเซ็นต์จากบัวขาว นักมวยชื่อดังปรากฏอยู่ ซึ่ง DunDun เป็นการนำคาแรคเตอร์ที่มีความเป็นไทยมาผสานเข้าด้วยกัน และถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ MINISO LAND ใช้ในการบุกตลาดนอกประเทศจีนที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว

โดยปัจจุบันมินโซในไทยมีสาขาทั้งหมด 16 แห่ง มีด้วยกัน 3 รูปแบบ ดังนี้

1.MINISO LAND มีพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. โฟกัสเปิดในทำเลที่มีศักยภาพสูงและศูนย์กลางของการท่องเที่ยว สินค้าที่วางจำหน่ายจะเป็นสินค้า IP กว่า 80%

2.MINISO Flagship Store มีพื้นที่ตั้งแต่ 500 ตร.ม. ขึ้นไป เน้นตั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีทราฟฟิกสูง สินค้าที่วางจำหน่ายจะเป็น Lifestyle Product ส่วนสินค้า IP จะดูความต้องการของกลุ่มป้าหมายและโลเคชั่นเป็นหลัก

3.MINISO Store ทั่วไป จะเป็นรูปแบบร้านที่ขนาดเล็กกว่า สินค้าที่วางจำหน่ายจะเป็น Lifestyle Product ทั่วไป

อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจในไทยมินิโซตั้งเป้า 3 ปีต่อจากนี้จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของธุรกิจร้านไลฟ์สไตล์ในไทย โดยมีแผนจะขยายสาขาให้ครบ 100 แห่งภายใน 3 ปี ซึ่งเน้นการเติบโตเชิง ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ และด้วยศักยภาพของบริษัทเชื่อว่า จะบรรลุเป้าหมายได้

กำลังซื้อของผู้บริโภคไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 มองว่าไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและ Gen Z ที่ชื่นชอบ Art Toy ตลอดจนของเล่นใหม่ ๆ ส่วนการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกไทยมองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ตลาดเติบโต และร้านค้าต้องปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมของ Gen Z ที่เปลี่ยนรวดเร็วมาก โดยจุดที่ต้องให้ความสำคัญคือคุณภาพสินค้าที่ต้องมีความพรีเมียมมากขึ้น

สำหรับแผนการตลาดจะเดินหน้าสร้าง Super IP + Super Store โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศแผนพัฒนาและบ่มเพาะ IP ภายใต้ลิขสิทธิ์ของมินิโซเอง พร้อมจับมือศิลปิน 9 รายในการสร้างสินค้า IP ภายใต้ลิขสิทธิ์ของมินิโซด้วย และสำหรับประเทศไทย ก็จะมีการทำงานร่วมกับ Local Content Creators ในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมาการเติบโตของมินิโซในระดับโลกปี 2024 มีรายได้แตะ 2.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น 22.8%, มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 44.9% โดยรายได้ดังกล่าว แบ่งเป็นตลาดในจีน 43.3% ตลาดต่างประเทศ 56.7%  ซึ่งปี2568 เหลือเวลาอีก 2 เดือนจะสิ้นปี ต้องจับตาดูว่าทั้งตลาดไทย และต่างประเทศ มินิโซ จะเติบโตได้แค่ไหน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• พิชัย ชวน Google ลงทุนในไทยมากขึ้น คุย Walmart ดันสินค้าไทยในห้างค้าปลีกโลก

• นักวิเคราะห์มอง Digital Wallet ช่วยกระตุ้นค้าปลีกเพียง 1%

• ส่อง CJX โมเดลใหม่ ท้าชนบิ๊กแบรนด์ GO Wholesale – Makro เขย่าค้าปลีก ค้าส่งไทย