รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถอีวี มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและก้าวกระโดด โดยช่วง ม.ค.-ส.ค. กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุข้อการจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบกว่า อีวี 59,025 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 433.05%
สำหรับตัวเลขยอดจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ดังกล่าว เป็นข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ 43,348คัน เพิ่มขึ้น 804.59% และหากแยกย่อยยิ่งกว่านั้น แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 43,168 คัน, รถโดยสารไม่เกิน 7 คน 169 คัน, รถยนต์บริการธุรกิจ 4 คัน, รถยนต์บริการทัศนาจร 7 คัน
ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวก็จะเห็นได้ว่า รถยนนต์นั่งส่วนบุคคล มีบทบาทมากที่สุดในตลาดอีวี และยอดจดทะเบียน 43,168 คัน นั้น สูงกว่าตัวเลขการจดทะเบียนปี 2565 ทั้งปี ที่อยู่ในระดับไม่ถึง 1 หมื่นคัน
และตัวเลขการจดทะเบียนดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายการขายอีวีในปี 2566 ที่ตั้งไว้ประมาณ 5 หมื่นคัน คงจะต่ำเกินไป ยอดจริงคงจะเกินไปกว่านั้นมาก
การขยายตัวของตลาดอีวี มาจากหลายปัจจัยประกอบกันที่มีส่วนช่วยผลักดัน ไม่ว่าจะเป็น
ซึ่งในประเด็นผลิตภัณฑ์ที่มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นนั้น ก็แน่ใจได้ว่าจากนี้ไปจะมีรถรุ่นใหม่เข้ามาเสริมตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้เล่นรายใหม่ และรายเดิมที่ต้องการขยายตลาด
เรื่องของความหลากหลายสินค้าที่มีผลต่อตลาด ต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้านั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่งก็เช่น เอ็มจี
เอ็มจี นั้น นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดอีวี จากการเปิดตัว อีวี รุ่นแรก คือ “ZS EV” ที่ทำให้ตลาดอีวีจากหลักสิบหลักร้อยคันเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคัน ก่อนที่จะมีผู้เ่นใหม่เข้ามาเปิดตลาดเพิ่มเติม จนทำให้ตลาดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น เอ็มจี ก็มีรถรุ่นใหม่เข้ามาเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ด้วยความหลากหลายของสินค้า ซึ่งปัจจุบัน เอ็มจี มี อีวี ทำตลาดมากที่สุดในประเทศไทย คือ
โดยในแต่ละตลาด เอ็มจี ก็พยายามสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แตกต่างกันไปตามประเภทรถ อย่างเช่น ล่าสุดจะจัดกิจกรรม “MG4 Track Experience” ที่ สนามโกคาร์ต IMPACT Speed Park ในวันที่ 7 ตุลาคม 2566
เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากทาง เอ็มจี ทดสอบประสิทธิภาพ MG 4 Electric เพื่อให้รับรู้ด้วยตัวเอง ถึงจุดเด่นหลายๆ อย่าง เช่น ระบบอีวีที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง การระจายน้ำหนัก แบบสมมาตร 50:50 จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ฐานล้อกว้าง หรือว่า ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ แบบ 5-LINK SUSPENSION เป็นต้น
และไม่เพียงเท่านั้น เพราะเอ็มจี ยืนยันมาตลอดว่าจะเสริมตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อสร้างโมเมนตัมของตลาด สร้างการเติบโต โดยเร็วๆ นี้ ก็เชื่อว่าจะได้เห็นรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด ก็คือ MG CYBERSTER
ซึ่งพบว่าโรดสเตอร์ไฟฟ้า เปิดประทุน 2 ที่นั่ง ประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด และหลังคาผ้าซอฟต์ท็อป ได้รับความสนใจจากผุ้ชมไม่น้อย
และสำหรับในไทยเอง ก่อนหน้านี้ เอ็มจี เปิดให้ผู้สนใจจองคิวสำหรับ CYBERSTER ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นคอนเซ็ปต์ คาร์ ซึ่งมีผู้สนใจจองจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
ซึ่งการมาของโรดสเตอร์ อีวี คันนี้ นอกจากจะเพิ่มยอดขายแล้ว ก็น่าจะมีส่วนเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่อข็งแกรงในเทคโนโลยี อีวี ของเอ็มจีได้อีกทางหนึ่ง ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกขณะด้วยเช่นกัน