อนาคตประเทศไทย นวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศ ได้พูดถึง Medtech Trends 2023 โดย ดร. สุนทร ศรีทา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรวมใจรักษ์ ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆที่จะเข้ามาพัฒนาชีวิตคนไทย
โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ ได้พูดถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีการแพทย์ไทยในหัวข้อ 'Medtech Trends 2023' ซึ่งมีเทคโนโลยีการแพทย์ต่างๆที่โรงพยาบาลจะนำเข้ามาใช้ในอนาคต โดยจะช่วยให้การแพทย์ในประเทศไทยถูกพัฒนาและชีวิตคนไทยจะสะดวกสบายต่อการรักษาและดูแลสุขภาพมากขึ้น
ดร.สุนทร ศรีทา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรวมใจรักษ์ ได้กล่าวถึง 'Medtech Trends 2023' ไว้ดังนี้
1.New AI Application Investigation Diagnostic Treatment เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในทางการแพทย์ โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆนำมาใช้เพื่อให้สมบูรณ์สะดวกสบายในการให้บรนิการต่างๆ
ซึ่งเทคโนโลยี AI ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในวงการแพทย์หลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การตรวจวินิจฉัยในหลายๆเรื่อง เช่น การเอ็กซเรย์ มีการนำภาพเอ็กซ์เรย์ มาใช้ร่วมกับ AI ที่ช่วยให้แพทย์มองจุดบกพร่องต่าง ๆและยังมีการวินิจฉัยโรค ผลแล็บต่างๆ ว่าอาจจะเป็นโรคอะไรได้บ้าง ช่วยให้แพทย์มีความรอบคอบในการรักษาได้มากขึ้น รวมถึงการรักษาต่างๆเช่น การใช้ยาแต่ละประเภท AI ก็จะช่วยให้การใช้ยาถูกต้องมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลใช้เพียงแค่ Password, Multi-Lock หรือ Fingerscan ก็เพียงพอ แต่ล่าสุดต้องใช้ Facial Recognation แล้ว และยิ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีโควิดจำเป็นต้องใส่หน้ากากก็ถูกพัฒนา Facial Recognation with mask หรือการสแกนใบหน้าผ่านหน้ากากอนามัย
3.Nano Medicine Precision Medicine การผลิตยา และใช้โรบอทเข้าไปตรวจสอบหรือช่วยเหลือการแพทย์ต่างๆ ซึ่งในอนาคตจะเข้ามาแน่ และปัจจุบันมีการใช้ Precision Medicine เช่น ในกลุ่มคนที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งบางกลุ่มให้ยาแล้วได้ผลและบางกลุ่มไม่ได้ผล การใช้ยากับคนไข้แต่ละราย ซึ่งเทคโนโลยีจะสามารถวิเคราะห์และตรวจยาที่เหมาะสมกับร่างกาย และยิ่งในกลุ่มมะเร็ง จำเป็นต้องให้ใช้ Genomic Targeted Therapies หรือการใช้ยาเฉพาะกลุ่มกับคนไข้แต่ละคน
4.Internet of Medical Things (IoMT) ทางการแพทย์ได้มีการใช้เทคโนโลยี IoT ใช้กับเครื่องมือแพทย์ชิ้นใหญ่ๆ ซึ่งจะต้องเชื่อมต่อกับระบบส่วนกลาง หรือ Centrailized Control ไม่ว่าจะเป็น มอนิเตอร์ต่างๆ และอนาคตจะมี Personal Device เพิ่มมากขึ้น เช่น การเจาะเลือดที่บ้าน และเครื่องมือเจาะเลือดจะส่งข้อมูลมาในระบบกลางได้ ซึ่งจะช่วยให้การรักษาและติดตามอาการง่ายขึ้น
5.Teleconsultation & Telemedicine ปัจจุบันมีการใช้การวินัจฉัย การรีโมท ชีพจร อาการต่างๆ การดูแลตัวเอง การให้ปรึกษาโดยแพทย์ Teleconsultation ที่สามารถทำที่ไหนก็ได้ เพื่อลดการเดินทาง และความสะดวกสบายในการรักษาแพทย์
6.Big Data ในประเทศไทยมีทั้งภาครัฐและเอกชนมีคนไข้มาโรงพยาบาลราว 200 ล้านคนต่อปี ซึ่งเรามีข้อมูลมากมายแต่ไม่สามารถเชื่อมข้อมูลเป็น Single Data ซึ่งปัจจุบันทำให้เสียโอกาสในการวางแผน ป้องกันโรค เช่น โควิดถ้าเราลิงค์ข้อมูลได้ เราจะมองเห็นได้แบบเรียลไทม์ว่าโควิดเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง
7.VR & AR Mixed Reality in Healthcare การอบรมบุคลากรต่างๆ การฝึกสอนต่างๆในวงการแพทย์ จะสามารถทำได้ผ่านระบบหุ่นยนต์ ซึ่งเทคโนโลยี AR หรือ VR จะทำให้มีการพัฒนาการในการเรียนรู้และการรักษาคนไข้ได้รวดเร็วและพัฒนาบุคลากรได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น