หลังกฏหมาย Online News Act ในประเทศแคนาดา เริ่มใช้งาน ก็ลงดาบสองแพลตฟอร์ดังอย่าง Alphabet (Google) และ Meta (Facebook, Instagram) ทันที ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์ยืนยันไม่จ่ายเงินให้สำนักข่าว
Rachel Curran หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะของ Meta แคนาดากล่าวว่า สำนักข่าวต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มในการแบ่งปันเนื้อหาบน Facebook และ Instagram โดยสมัครใจ เป็นการมุ่งหวังในเรื่องของการขยายกลุ่มผู้ชมและ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้พวกเขามีรายได้ แม้ว่าทางแพลตฟอร์มจะทราบดีว่า ผู้ที่เข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มของเราไม่ได้เข้ามาเพื่อรับข่าวสาร
หลังแถลงการณ์นี้ออกมา ส่งผลให้ CBC สถานีโทรทัศน์สาธารณะของแคนาดาควันออกหู และตำหนิการเคลื่อนไหวของ Meta อย่างรุนแรงว่าเป็นคำกล่าวอ้างที่ขาดความรับผิดชอบและเป็น "การใช้อำนาจทางการตลาดในทางที่ผิด"
เช่นเดียวกับที่ Pascal St-Onge รัฐมนตรีกระทรวงมรดกของแคนาดา ซึ่งได้รับหน้าที่จัดการปัญหานี้ ก็ได้ตำหนิทาง Meta เช่นกัน ว่า "นี่เป็นคำพูดที่ขาดความรับผิดชอบ"
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
St-Onge กล่าวเสริมด้วยว่า แพลตฟอร์มเจตนาจะบล็อกผู้ใช้งาน ไม่ให้เข้าถึงข่าวท้องถิ่นที่มีคุณภาพดี เหตุผลเพราะถูกบังคับให้จ่ายส่วนแบ่งที่ยุติธรรมให้กับองค์กรข่าว และเลือกที่จะเผยแพร่เว็บข่าวปลอม หรือเว็บข่าวที่ปลุกปั่นแทน
สะท้อนให้เห็นว่าแพลตฟอร์มไม่รับผิดชอบต่อสังคม และแสวงหากำไรมากกว่าจะสนับสนุนธุรกิจด้านสื่อสารมวลชนน้ำดี
อย่างไรก็ตาม ทางการแคนาดา จะยืนหยัดในจุดยืนของรัฐต่อไป หากรัฐบาลไม่สามารถยืนหยัดเพื่อชาวแคนาดาและธุรกิจภายในประเทศแล้ว การต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ใครจะเป็นคนทำ
ทั้งนี้ กฎหมายของแคนาดา คล้ายกับกฎหมายที่ออกโดยออสเตรเลียเมื่อปี 2564 ทำให้เกิดการตอบโต้จาก Google และ Facebook เพื่อจำกัดการให้บริการในออสเตรเลีย
แม้สุดท้ายแล้ว ทั้งสองบริษัทจะยินยอมทำข้อตกลงกับบริษัทสื่อของออสเตรเลีย หลังจากมีการเสนอแก้ไขกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ทาง Google เอง ก็ได้ออกมาแย้งว่า ในกฎหมายของแคนาดา กว้างกว่ากฎหมายที่บังคับใช้ในออสเตรเลียและยุโรป เนื่องจากกำหนดราคาให้กับลิงก์ข่าวที่แสดงในผลการค้นหา และสามารถใช้กับร้านที่ไม่ได้ผลิตข่าวได้
ขณะที่ Meta กล่าวว่า ผู้ใช้งานมีการกดลิงก์ไปยังบทความข่าวมีน้อยกว่า 3% ของการแสดงผลเนื้อหาในฟีดของผู้ใช้ และแย้งว่าข่าวที่ขึ้นบนฟีดเหล่านั้น ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
และนั่นเป็นการจุดไฟให้นายกรัฐมนตรีแคนาดาอย่าง จัสติน ทรูโด ยัวะ ถึงขั้นกล่าวตำหนิว่า บริษัทเหล่านี้ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม และยังใช้คำอ้างที่ส่งผลต่อการขัดแย้งต่ออำนาจรัฐและไม่ให้เกียรติการประกอบธุรกิจในประเทศด้วย