SHORT CUT
ยุค AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI ใช้ประโยชน์และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ชวนมาดูทั้งข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีนี้ไปพร้อมๆกัน
การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีในอนาคตอีกต่อไป แต่ได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแล้ว ลองสังเกตสิ่งรอบตัว เราจะพบว่า AI ถูกนำมาใช้ในหลากหลายด้าน
การสื่อสารและโซเชียลมีเดีย : ฟีดข่าวที่เราเห็นใน Facebook หรือ Instagram ถูกจัดเรียงโดย AI เพื่อแสดงเนื้อหาที่เราสนใจมากที่สุด ระบบแปลภาษาอัตโนมัติก็ช่วยให้เราสื่อสารกับผู้คนทั่วโลกได้ง่ายขึ้น
การเงินและธนาคาร : ระบบตรวจจับการทุจริตทางการเงิน และยังสามารถให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลได้อีกด้วย
การดูแลสุขภาพ : สามารถวิเคราะห์ผลตรวจต่างๆ เช่น เอกซเรย์ หรือ MRI ได้แม่นยำขึ้น และยังสามารถช่วยคิดค้นและพัฒนาตัวยาใหม่ๆ ได้อีกด้วย
การเกษตร : เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยี AI ช่วยในการวางแผนการเพาะปลูก, ตรวจจับโรคพืช และการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
อุตสาหกรรมและการผลิต : เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน โดยการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในการทำงานต่างๆ ช่วยลดความเสี่ยงต่างๆในโรงงานได้อีกด้วย
ทำงานง่ายขึ้น : ตัวอย่างเช่น วงการแพทย์สามารถใช้เทคโนโลยี AI ช่วยวินิจฉัยโรคจากภาพเอกซเรย์ ทำให้รักษาได้เร็วและตรงจุด หรือระบบขนส่งที่ใช้ AI วางแผนเส้นทางรถ ช่วยลดปัญหาจราจรติดขัด
เข้าถึงข้อมูลและบริการได้ง่ายขึ้น : ตัวอย่างเช่น Chatbot ตอบคำถามลูกค้าอัตโนมัติ หรือการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน
สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ : AI มีศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ในหลากหลายด้าน เช่น งานศิลปะ ดนตรี หรือแม้แต่การเขียนบทความ ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์สร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจยิ่งขึ้นอีก
ผลกระทบต่อตลาดแรงงาน : AI อาจทำงานบางอย่างแทนเราได้ ซึ่งทำให้บางอาชีพอาจหายไป ควรเตรียมพร้อมพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพเริ่มนำ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ความเหลื่อมล้ำทางสังคม : หากการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก AI ไม่เท่าเทียมกัน อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากขึ้น ผู้ที่มีความรู้และทักษะในการใช้ AI จะได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดแรงงานและสังคม แน่นอนว่าคนที่มีความพร้อมมากกว่า ก็จะพัฒนาทักษะและสกิล AI ได้เร็วกว่าคนทั่วไป รัฐบาลและภาคเอกชนควรสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับ AI ให้กับประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย : การใช้ AI มักเกี่ยวข้องกับการเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลได้ หากไม่มีการจัดการและป้องกันที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละประเทศควรมีมาตรการที่เข้มงวดกับการใช้ AI
ความผิดพลาด : แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเสมอไป และอาจเกิดข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงได้ เช่น การวินิจฉัยโรคที่ผิดพลาด หรือการตัดสินใจของระบบ AI ในการควบคุมยานพาหนะอัตโนมัติที่ผิดพลาดได้เช่นกัน
พัฒนาสกิลและทักษะที่จำเป็น : มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ดี เช่น ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน, ทักษะทางสังคมและอารมณ์รวมถึงทักษะดิจิทัล เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน
มอง AI เป็นเครื่องมือ : ควรมอง AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและชีวิตประจำวัน และเรียนรู้ที่จะใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
AI ยังมีความเสี่ยง : เข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI และเรียนรู้วิธีป้องกันตนเอง เช่น การระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนบุคคล และการไม่เชื่อข้อมูลจาก AI ทันทีโดยปราศจากการตรวจสอบ
ยุค AI หรือยุคของปัญญาประดิษฐ์ กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากเราเข้าใจและปรับตัวได้ทัน ปัญญาประดิษฐ์จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่เป็นเรื่องดีที่โลกจะสามารถพัฒนาได้รวดเร็วและสะดวกสบายขึ้นกว่าในอดีต
แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องร่วมกันสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ AI เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ก้าวทันสู่ยุค AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ที่มา : TechCrunch,