
SHORT CUT
นิค เทอร์ลีย์ ผู้บริหาร OpenAI เผยระหว่างให้การในศาลคดีผูกขาด Google ว่าสนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับขาย หวังแก้ปัญหาการแข่งขันในตลาด Search
OpenAI ให้การต่อศาลในคดีต่อต้านการผูกขาดของ Google เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่า OpenAI สนใจที่จะเข้าซื้อกิจการเว็บเบราว์เซอร์ Chrome หากหน่วยงานกำกับบีบให้ Google ต้องขาย Chrome ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามฟื้นฟูการแข่งขันในตลาดเสิร์ชเอนจิน
การให้การนี้มีขึ้นในขั้นตอนที่ศาลกำลังพิจารณามาตรการเยียวยา หลังจากที่ผู้พิพากษา อามิต เมห์ตา (Amit Mehta) ได้วินิจฉัยไปเมื่อปีที่แล้วว่า Google มีสถานะเป็นผู้ผูกขาดในตลาดการค้นหาออนไลน์และโฆษณาที่เกี่ยวข้อง
โดย Google ได้อาศัยข้อตกลงพิเศษกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่าง Samsung และรายอื่นๆ ในการติดตั้ง Google Search เป็นค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) กำลังผลักดันให้ Google ต้องใช้มาตรการแก้ไขที่ครอบคลุม
อย่างไรก็ดี Google ยังไม่มีท่าทีจะขาย Chrome และวางแผนที่จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินเรื่องการผูกขาด
คดีนี้ยังสะท้อนภาพการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการ AI โดยฝ่ายอัยการได้แสดงความกังวลว่า
การผูกขาดตลาดค้นหาของ Google อาจส่งผลให้ได้เปรียบในด้าน AI และใช้ผลิตภัณฑ์ AI เพื่อดึงผู้ใช้กลับไปยังเสิร์ชเอนจินของตน ขณะที่ Google โต้แย้งว่ามีการแข่งขันสูงอยู่แล้วจากบริษัทอย่าง Meta และ Microsoft
เทอร์ลีย์ ซึ่งเป็นพยานฝั่งรัฐบาล ยังเปิดเผยด้วยว่าก่อนหน้านี้ OpenAI เคยพยายามเจรจาขอใช้เทคโนโลยี Search API ของ Google เพื่อนำมาปรับปรุง ChatGPT แต่ถูก Google ปฏิเสธเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
โดยให้เหตุผลว่าเกี่ยวข้องกับคู่แข่งมากเกินไป ปัจจุบัน ChatGPT ใช้เทคโนโลยีค้นหาของ Bing จาก Microsoft แต่ OpenAI เชื่อว่าการเข้าถึง API ของ Google จะช่วยให้สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นได้ "เราไม่มีความร่วมมือใดๆ กับ Google ในวันนี้" เทอร์ลีย์กล่าว
เขายังระบุว่า Search มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ ChatGPT ในการให้ข้อมูลที่ทันสมัยและถูกต้องแก่ผู้ใช้ และข้อเสนอของ DOJ ที่ให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาแก่คู่แข่ง จะช่วยเร่งการพัฒนา ChatGPT ได้
นอกจากนี้ เขายังประเมินว่า ChatGPT ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถใช้เทคโนโลยีค้นหาของตนเองตอบคำถามได้ถึง 80%