49 วัน ภารกิจชีวิตจริง: เบื้องหลัง AIS กับการเป็น “เครือข่ายของความหวัง” ผสานนวัตกรรมอัจฉริยะสนับสนุนหน่วยกู้ภัยทุกมิติ ในเหตุอาคารถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว
49 วันเต็มๆ — จากวันที่ 28 มีนาคม ถึง 15 พฤษภาคม — AIS เข้าไปในพื้นที่ตึกถล่ม และไม่เพียงแค่ดูแลเสาสัญญาณหรือโทรศัพท์มือถือ
แต่ได้ก้าวข้ามสู่บทบาทใหม่ในภารกิจ “เชื่อมต่อชีวิต” ท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉินที่เดิมพันคือ "ชีวิต" ของผู้คนเลยนะคะ
ทันทีที่วิกฤตขึ้นตอนนั้น AIS ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทีมวิศวกรพร้อมเทคโนโลยีสื่อสารขั้นสูงถูกส่งลงพื้นที่ประสบภัยทันทีตามแผนรับมือภัยพิบัติ (หรือ BCP)
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS ได้เล่าถึงการทำงานเชิงรุกของ AISในครั้งนี้ ว่า “ได้นำรถโมบายล์เข้าพื้นที่ทันที ใช้เทคนิค Network Data Analytics และ Small Cellular Pinpointing ซึ่งไม่ใช่แค่การทำให้เน็ตแรง แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่าย เพื่อระบุพิกัดของผู้ที่อาจติดอยู่ใต้ซากอาคารอย่างแม่นยำ
ปฏิบัติการนี้ไม่ใช่เพียงการคาดเดา แต่เป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการทำงานของหน่วยกู้ภัย AIS ร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงอย่างตำรวจนครบาล นำข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์มาวิเคราะห์หมายเลขที่ยังคง "มีสัญญาณแต่ไม่รับสาย" ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญ จนสามารถระบุตำแหน่งผู้รอดชีวิตได้แม่นยำกว่า 46 ราย ซึ่งนี่ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภารกิจของ AIS ไม่ได้หยุดอยู่เพียงการค้นหาผู้รอดชีวิตผ่านสัญญาณมือถือ แต่ยังขยายขอบเขตการสนับสนุนไปถึงการประเมินความเสี่ยงในพื้นที่อันตราย ด้วยการส่งเสริมการใช้หุ่นยนต์ติดกล้องและโดรนสำรวจ
โดย AIS ดูแลการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไม่มีสะดุดผ่าน Fiber และ 5G เพื่อให้การส่งภาพความละเอียดสูงจากโดรนเป็นไปอย่างทันท่วงที สร้างเป็นแผนที่ 3 มิติสำหรับสแกนโครงสร้างอาคารที่เสียหายอย่างละเอียด
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS ให้เปิดเผยว่า ภารกิจเราหลักหลักประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ก็คือช่วงแรก เราก็จะเป็นการค้นหาผู้ประสบภัย โดยใช้เทคนิคในการที่จะหามือถือที่อยู่ในพื้นที่นั้น แล้วก็ใช้ Data analytics คํานวณว่าใครคือผู้ที่อยู่ก่อนเหตุการณ์
ใครที่อยู่ใน เหตุการณ์ แล้วก็ ใครคือเจ้าหน้าที่ ใครคือกู้ภัยที่เข้ามาทีหลัง เพื่อแยกแยะได้ เราก็ประสานงานกับตํารวจ ในการที่จะพยายามจะ ติดต่อใน หมายเลข ที่เราได้รับ ขึ้นมา อย่างที่ 2 ก็คือ ทันทีที่ทํางานไปแล้ว 72 ชั่วโมง ที่ เรา รู้สึกว่า โทรศัพท์ มือถือในพื้นที่ น่าจะ แบตเตอรี่ หมดแล้ว เราก็ เปลี่ยน ภารกิจ เป็น ภารกิจ ที่ จะ support หน่วยงานกู้ภัย แล้วก็หน่วยงาน ค้นหา
เราคุยกับโดรน หรือหน่วยงานของโดรน หน่วยงานของหุ่นยนต์ที่จะเข้าไปค้นหาผู้ประสบภัย แล้วก็ค้นหาแล้วก็ซัพพอร์ตในความปลอดภัยของอาหน่วยงานที่จะเข้าไปช่วยเหลือที่จะในการที่เข้าพื้นที่แล้วมีความปลอดภัยมากขึ้น
เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า AIS ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการเครือข่าย แต่คือ "โครงสร้างพื้นฐานแห่งความหวัง" ที่พร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญของประเทศในยามวิกฤต ตอกย้ำพันธกิจ “จะอยู่เคียงข้างคนไทย — ในทุกวันธรรมดา และทุกวันแห่งวิกฤต” เปลี่ยนเทคโนโลยีการสื่อสารให้กลายเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตอย่างแท้จริง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง