SHORT CUT
World โครงการจากผู้สร้าง ChatGPT จัดแถลงข่าวเคลียร์ทุกประเด็น ย้ำเป็นระบบ "ยืนยันความเป็นมนุษย์" ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน" เพื่อสร้างเกราะป้องกันภัยในยุค AI
ผู้พัฒนาเทคโนโลยี World นำโดย นายฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation และนายภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการสแกนม่านตาที่กำลังเป็นกระแสในสังคมไทย
นายภัคพลกล่าวว่า World คือโปรเจกต์ระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Alex Blania และ Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบ ‘Proof of Personhood’ หรือการยืนยันความเป็นมนุษย์
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีความสามารถสูงจนแยกแยะได้ยากว่าสิ่งที่เราเห็นในโลกออนไลน์นั้นเป็นผลงานของมนุษย์จริงหรือเป็นสิ่งที่ AI และ Bot สร้างขึ้น
สิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "เกราะป้องกัน" ให้กับผู้ใช้งานในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งปีที่ผ่านมามีความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์สูงกว่า 4 หมื่นล้านบาท
หัวใจสำคัญ คือ "ยืนยันความเป็นมนุษย์" ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน" ประเด็นที่ทาง World เน้นย้ำที่สุดคือ "เทคโนโลยีนี้ ไม่ใช่ระบบยืนยันตัวตน"
ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประชาชน, ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ ระบบจะทราบเพียงแค่ว่า "คุณคือมนุษย์ 1 คนที่ไม่ซ้ำใครในโลก" แต่จะไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร
ความปลอดภัยของข้อมูลม่านตาทำงานอย่างไร? หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลชีวมิติ (Biometrics) ทาง World ได้อธิบายกระบวนการอย่างละเอียดว่า
1. เครื่อง Orb จะทำการถ่ายภาพม่านตา
2. ภาพจะถูกแปลงเป็นรหัสเฉพาะที่เรียกว่า "Iris Code" ซึ่งเป็นชุดตัวเลข 0 และ 1 ที่มีความยาวกว่าหมื่นหลัก
3. กระบวนการนี้เป็น "One-way Cryptographic" หมายความว่ารหัส Iris Code ไม่สามารถถูกแปลงกลับไปเป็นภาพม่านตาได้อีก แม้จะใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ก็ตาม
4. ภาพม่านตาต้นฉบับจะถูกลบออกจากระบบทันทีหลังการสร้างรหัส
5. รหัส Iris Code ที่เข้ารหัสแล้วจะถูกเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานเองเป็นหลัก ทำให้ผู้ใช้งานเป็นผู้เดียวที่ควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถเลือกลบข้อมูลทิ้งได้ทุกเมื่อ
ทางบริษัทขอยืนยันว่าจะ "ไม่มีการจัดเก็บ ซื้อ หรือขายภาพม่านตาของผู้ใช้งานเด็ดขาด"
โปร่งใส ตรวจสอบได้ และถูกกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น World ได้ดำเนินงานทุกอย่างแบบ Open Source โดยเปิดเผยทั้งซอร์สโค้ดและข้อมูลฮาร์ดแวร์บนแพลตฟอร์ม GitHub ให้สาธารณชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ชั้นนำระดับโลก
เช่น Trail of Bits และ Theori สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย ทางบริษัทได้มีการปรึกษาและหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
การใช้งานจริงในประเทศไทยและแผนการลงทุน ปัจจุบัน World ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในไทยหลายรายเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจาก Bot และบัญชีปลอม เช่น
• Pantip : เพื่อให้มั่นใจว่ารีวิวมาจากผู้ใช้งานจริง
• Eventpop : ป้องกัน Bot กว้านซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไปขายต่อในราคาที่สูงขึ้น
• Whoscall : ช่วยยืนยันว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นมนุษย์จริง ลดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
• Ragnarok Landverse : แยกผู้เล่นที่เป็นคนจริงออกจาก Bot เพื่อความเท่าเทียมในการเล่นเกม
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศลงทุนกว่า 25 ล้านบาทในโครงการ "Build With World" เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาไทยในการสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี World ID