svasdssvasds

World ไขทุกปมสแกนม่านตา อันตรายไหม? ชี้ชัด ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน"

World ไขทุกปมสแกนม่านตา อันตรายไหม? ชี้ชัด ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน"

World โครงการจากผู้สร้าง ChatGPT จัดแถลงข่าวเคลียร์ทุกประเด็น ย้ำเป็นระบบ "ยืนยันความเป็นมนุษย์" ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน" เพื่อสร้างเกราะป้องกันภัยในยุค AI

SHORT CUT

  • World แถลงการณ์ชัดเจน ถูกออกแบบมาเพื่อ "ยืนยันความเป็นมนุษย์" เท่านั้น โดยไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เช่น ชื่อ หรือเลขบัตรประชาชน ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ใช้งานเป็นใคร
  • ภาพม่านตาจะถูกแปลงเป็นรหัสที่ไม่สามารถย้อนกลับได้และถูกลบทิ้งทันที โดยข้อมูลจะถูกเก็บแบบเข้ารหัสในมือถือของผู้ใช้เอง และระบบทั้งหมดเป็น Open Source ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ
  • ภารกิจหลักของ World คือการสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อแยกแยะมนุษย์ออกจาก Bot และ AI ป้องกันการฉ้อโกงและสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัล โดยมีกรณีการใช้งานจริงแล้วกับพันธมิตรในประเทศไทย

World โครงการจากผู้สร้าง ChatGPT จัดแถลงข่าวเคลียร์ทุกประเด็น ย้ำเป็นระบบ "ยืนยันความเป็นมนุษย์" ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน" เพื่อสร้างเกราะป้องกันภัยในยุค AI

ผู้พัฒนาเทคโนโลยี World นำโดย นายฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation และนายภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการสแกนม่านตาที่กำลังเป็นกระแสในสังคมไทย

World คืออะไร? อันตรายไหม?

นายภัคพลกล่าวว่า World คือโปรเจกต์ระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Alex Blania และ Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบ ‘Proof of Personhood’ หรือการยืนยันความเป็นมนุษย์

ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีความสามารถสูงจนแยกแยะได้ยากว่าสิ่งที่เราเห็นในโลกออนไลน์นั้นเป็นผลงานของมนุษย์จริงหรือเป็นสิ่งที่ AI และ Bot สร้างขึ้น

สิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "เกราะป้องกัน" ให้กับผู้ใช้งานในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งปีที่ผ่านมามีความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์สูงกว่า 4 หมื่นล้านบาท

CREDIT : World

หัวใจสำคัญ คือ "ยืนยันความเป็นมนุษย์" ไม่ใช่ "ยืนยันตัวตน" ประเด็นที่ทาง World เน้นย้ำที่สุดคือ "เทคโนโลยีนี้ ไม่ใช่ระบบยืนยันตัวตน"

ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประชาชน, ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ ระบบจะทราบเพียงแค่ว่า "คุณคือมนุษย์ 1 คนที่ไม่ซ้ำใครในโลก" แต่จะไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร

CREDIT : World

ความปลอดภัยของข้อมูลม่านตาทำงานอย่างไร? หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลชีวมิติ (Biometrics) ทาง World ได้อธิบายกระบวนการอย่างละเอียดว่า

1. เครื่อง Orb จะทำการถ่ายภาพม่านตา

2. ภาพจะถูกแปลงเป็นรหัสเฉพาะที่เรียกว่า "Iris Code" ซึ่งเป็นชุดตัวเลข 0 และ 1 ที่มีความยาวกว่าหมื่นหลัก

3. กระบวนการนี้เป็น "One-way Cryptographic" หมายความว่ารหัส Iris Code ไม่สามารถถูกแปลงกลับไปเป็นภาพม่านตาได้อีก แม้จะใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ก็ตาม

4. ภาพม่านตาต้นฉบับจะถูกลบออกจากระบบทันทีหลังการสร้างรหัส

5. รหัส Iris Code ที่เข้ารหัสแล้วจะถูกเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานเองเป็นหลัก ทำให้ผู้ใช้งานเป็นผู้เดียวที่ควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถเลือกลบข้อมูลทิ้งได้ทุกเมื่อ

ทางบริษัทขอยืนยันว่าจะ "ไม่มีการจัดเก็บ ซื้อ หรือขายภาพม่านตาของผู้ใช้งานเด็ดขาด"

โปร่งใส ตรวจสอบได้ และถูกกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น World ได้ดำเนินงานทุกอย่างแบบ Open Source โดยเปิดเผยทั้งซอร์สโค้ดและข้อมูลฮาร์ดแวร์บนแพลตฟอร์ม GitHub ให้สาธารณชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ชั้นนำระดับโลก

เช่น Trail of Bits และ Theori สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย ทางบริษัทได้มีการปรึกษาและหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับอย่างเคร่งครัด

CREDIT : World

การใช้งานจริงในประเทศไทยและแผนการลงทุน ปัจจุบัน World ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในไทยหลายรายเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจาก Bot และบัญชีปลอม เช่น

• Pantip : เพื่อให้มั่นใจว่ารีวิวมาจากผู้ใช้งานจริง

• Eventpop : ป้องกัน Bot กว้านซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไปขายต่อในราคาที่สูงขึ้น

• Whoscall : ช่วยยืนยันว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นมนุษย์จริง ลดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์

• Ragnarok Landverse : แยกผู้เล่นที่เป็นคนจริงออกจาก Bot เพื่อความเท่าเทียมในการเล่นเกม

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศลงทุนกว่า 25 ล้านบาทในโครงการ "Build With World" เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาไทยในการสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี World ID

related