SHORT CUT
ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ส่งสัญญาณ อยากเห็นรัฐบาลชุดต่อไปนำเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ชูเป็นประเด็นสำคัญ โดยมองว่านี่คือ "ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน" (Competitive Advantage) ที่สำคัญที่สุดของประเทศในยุคปัจจุบัน
ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ส่งสัญญาณ อยากเห็นรัฐบาลชุดต่อไปนำเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ชูเป็นประเด็นสำคัญ โดยมองว่านี่คือ "ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน" (Competitive Advantage) ที่สำคัญที่สุดของประเทศในยุคปัจจุบัน
"อยากให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับ AI และมองว่านี่คือข้อได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ อยากเห็นนโยบายภาครัฐมีเรื่อง AI เป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องโฟกัส ซึ่งผมก็คาดหวังว่ามันน่าจะต้องมาพร้อมกับเงินลงทุน" นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงาน ไมโครซอฟท์ ประกาศวิสัยทัศน์ FY26
ไมโครซอฟท์กำลังมุ่งมั่นอยากให้อนาคตของประเทศไทยมีเทคโนโลยี AI เป็นส่วนสำคัญ โดยประกาศพันธกิจในการผลักดันองค์กรไทยสู่การเป็น "องค์กรแถวหน้า" (Frontier Firms) ที่ไม่เพียงแต่เป็น "ผู้ใช้" แต่ต้องก้าวขึ้นเป็น "ผู้สร้าง" (Creator) นวัตกรรมด้วยตนเอง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและเสริมขีดความสามารถของประเทศในเวทีโลก
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ไมโครซอฟท์ได้วางยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน เพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยมีจริยธรรมและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
ไมโครซอฟท์ตระหนักดีว่าเทคโนโลยีจะไร้ความหมายหากขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ จึงสานต่อความสำเร็จจากโครงการ THAI Academy ที่สร้างทักษะ AI ให้คนไทยแล้วกว่า 1.577 ล้านคน โดยในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มที่สามารถสร้างผลกระทบแบบทวีคูณได้ ได้แก่:
ครูและบุคลากรทางการศึกษา: ตั้งเป้าอบรมครู 250,000 คนทั่วประเทศ ให้สามารถนำ AI ไปใช้พัฒนาสื่อการสอนและเครื่องมือวัดผล เพื่อสร้างนักเรียนที่มีทักษะการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์
องค์กรภาคสังคม : อบรม 15,000 คน เพื่อให้สามารถใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโครงการขอทุน, ทำรายงาน และการประชาสัมพันธ์
กำลังแรงงาน: ต่อยอดความร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พัฒนาทักษะ AI ให้แรงงานไทยอีก 100,000 คน ให้พร้อมสำหรับตลาดงานในอนาคต
"คนที่มีความสามารถทางด้าน AI กับคนที่ไม่รู้จัก AI เลย ช่องว่างนี้มหาศาลมาก" นายธนวัฒน์ย้ำ "สิ่งนี้จะทำให้ประเทศแข่งขันได้ทันที คนที่มีทักษะเหล่านี้จะไม่กลัวแม้กระทั่งการตกงาน เพราะเขาสามารถสร้างอาชีพใหม่ สร้างธุรกิจใหม่ได้ด้วยตัวเอง"
ไมโครซอฟท์ได้เปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สู่การเป็น "Intelligence Engine" หรือแพลตฟอร์มที่เปิดให้ทุกคนสามารถสร้างนวัตกรรมได้ โดยมีเครื่องมือสำคัญคือ:
Microsoft Azure และ GitHub Copilot: แพลตฟอร์มคลาวด์และผู้ช่วยเขียนโค้ดอัจฉริยะสำหรับนักพัฒนา
Copilot+ PC: มาตรฐานใหม่ของคอมพิวเตอร์ที่ผสาน AI เข้ากับระบบปฏิบัติการ Windows อย่างลึกซึ้ง ทำให้มีฟีเจอร์อัจฉริยะเฉพาะตัว เช่น Recall ที่สามารถจดจำทุกสิ่งที่เราเห็นและทำบนพีซี ช่วยให้การค้นหาข้อมูลในอดีตทำได้อย่างง่ายดาย
ในยุคที่ AI ทรงพลังมากขึ้น ความรับผิดชอบและธรรมาภิบาลคือสิ่งสำคัญที่สุด ไมโครซอฟท์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐของไทย เช่น กระทรวงดิจิทัลฯ, สกมช., และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อวางกรอบการใช้งาน AI ที่ปลอดภัยและมีจริยธรรม พร้อมชูหลักการ Secure Future Initiative ที่เน้นความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ (Secure by design) เป็นค่าเริ่มต้น (Secure by default) และในการปฏิบัติงาน (Secure operations)
การประกาศวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ คือการส่งสารถึงผู้กำหนดนโยบายของประเทศว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องเดิมพันกับ AI อย่างจริงจัง
ความสำเร็จในการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพัฒนา AI เพื่อปรับปรุงกฎหมายไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐาน OECD ถือเป็นตัวอย่างรูปธรรมที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ในการยกระดับประเทศ
โจทย์ใหญ่ที่ท้าทายรัฐบาลใหม่จึงไม่ได้อยู่แค่การส่งเสริมให้เกิดการใช้ AI เท่านั้น แต่อยู่ที่การสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้คนไทยและองค์กรไทยสามารถ "สร้าง" AI และนวัตกรรมของตนเองขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นหมายถึงการลงทุนทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างกว้างขวาง และการออกกฎระเบียบที่ทันสมัย เพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศให้ก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง