
SHORT CUT
เจาะลึกวิสัยทัศน์ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน: เมื่อ "AI คือไฟฟ้าใหม่" ไทยงัดแผน "Quick Big Win" ชิงฮับ Data Center อาเซียน
โดยในงาน ในงานสัมมนา “PostToday Thailand Smart City 2026: Data Center - พลิกประเทศ” ซึ่งหลายฝ่าย ร่วมเจาะลึกกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพดิจิทัล ร่วมค้นหาวิธีสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน, การใช้พลังงานสะอาด, และการสร้างสรรค์ Smart City โดยมี คุณฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป มาร่วมในงาน
ทั้งนี้ ในเวที POSTTODAY THAILAND SMART CITY 2026 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาที่น่าจับตามองในหัวข้อ “Data Center - พลิกประเทศ” โดยชี้ให้เห็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกเทคโนโลยีที่กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางพลังงาน และโอกาสทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศไทย
หากทศวรรษที่ผ่านมา "ข้อมูล (Data)" ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นน้ำมันบ่อใหม่ นายอรรถพลชี้ว่านิยามนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาท "AI is the new electricity" หรือ "AI คือไฟฟ้าใหม่ของโลก" ที่จะกลายเป็นปัจจัยชี้ขาดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ AI ไม่ได้มาฟรีๆ แต่แลกมาด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล นายอรรถพลเปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจว่า ปัจจุบัน Data Center ทั่วโลกใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก (เทียบเท่า 1.7 เท่าของการใช้ไฟฟ้าในไทย)
แต่ที่น่ากังวลคือการคาดการณ์ในปี 2030 ที่ความต้องการนี้จะพุ่งทะยานขึ้นอีก 2-3 เท่า ซึ่งจะมีปริมาณเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศ นี่คือ "สึนามิทางพลังงาน" ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเป็นเป้าหมายการลงทุน Data Center แห่งใหม่ สิงคโปร์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดกำลังเผชิญทางตันด้านพื้นที่และพลังงาน จนต้องร้องขอซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
นายอรรถพลชี้ให้เห็นช่องว่างทางโอกาสว่า ปัจจุบันสิงคโปร์มีการใช้ไฟฟ้าสำหรับ Data Center สูงถึง 1,000 เมกะวัตต์ อินโดนีเซีย 200 เมกะวัตต์ มาเลเซีย 120 เมกะวัตต์ ในขณะที่ไทยมีเพียง 60 เมกะวัตต์ ตัวเลขนี้สะท้อนว่าไทยยังมีพื้นที่ว่างให้เติบโตได้อีกมหาศาล หากเราปลดล็อกพันธนาการด้านพลังงานได้ทันเวลา
ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาทำงานรัฐบาลชุดนี้ที่มีลักษณะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน นายอรรถพลจึงเสนอนโยบาย "Quick Big Win"—ทำเร็ว ผลกระทบสูง และได้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเน้น 3 มาตรการหลักเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท:
1. ปลดล็อกการซื้อขายไฟฟ้าเสรี (Direct PPA) นี่คือสิ่งที่นักลงทุน Data Center เรียกร้องมากที่สุด รัฐบาลเตรียมเปิดโครงการนำร่อง 2,000 เมกะวัตต์ ให้เอกชนเจรจาซื้อไฟฟ้าสะอาดจากผู้ผลิตได้โดยตรง โดยจ่ายเพียงค่าผ่านสายส่งให้การไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเคาะเกณฑ์ชัดเจนภายในเดือนธันวาคมนี้
2. แก้ปมคอขวด EEC ปัญหาในพื้นที่ EEC ไม่ใช่โรงไฟฟ้าไม่พอ แต่คือ "สายส่งไม่พอ" รัฐบาลจึงอัดฉีดงบเร่งด่วน 3,000 ล้านบาท และเตรียมแผนลงทุนระยะยาวอีก 30,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าย่อย รองรับดีมานด์ระดับ 3,800 เมกะวัตต์
3. เดิมพัน Net Zero 2050 และเทคโนโลยีอนาคต เพื่อไม่ให้ตกขบวนการค้าโลก ไทยได้ขยับเป้าหมาย Net Zero จากปี 2065 มาเป็น 2050 เพื่อสู้กับคู่แข่งอย่างเวียดนามและสิงคโปร์ พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น:
ไฮโดรเจน: อนุมัติให้เป็นเชื้อเพลิงประเภทที่ 1
SMR (Small Modular Reactors): เริ่มศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก
CCS (Carbon Capture and Storage): เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนฝังใต้ดิน ซึ่งไทยมีศักยภาพในการกักเก็บในอ่าวไทยสูงถึง 7,000 ล้านตัน โดยมองไกลถึงการร่วมทุนกับสิงคโปร์ในอนาคต
นัยสำคัญจากถ้อยแถลงของ รมว.พลังงาน คือการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยจากกับดักรายได้ปานกลาง (Middle-income trap) ไปสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง (High-Value Economy)
"ประเทศไทยต้องไม่ใช่แค่ทางผ่าน หรือเป็นเพียงผู้บริโภคเทคโนโลยี (Technology Consumer) แต่ต้องใช้โอกาสจาก Data Center เพื่อต่อรอง สร้างเงื่อนไขการถ่ายทอดความรู้ และยกระดับสู่การเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี (Technology Creator)"
โจทย์ใหญ่ของไทยในนาทีนี้ จึงไม่ใช่แค่การหาไฟฟ้าให้พอ แต่คือการบริหาร "สมดุล" ระหว่างความมั่นคง ความสะอาด และราคาที่แข่งขันได้ เพื่อเปลี่ยนวิกฤตความกระหายพลังงานของ AI ให้กลายเป็นขุมทรัพย์ใหม่ทางเศรษฐกิจของชาติ