ปี 2563 นับว่าเป็นปีที่หนักหนา และสาหัส ของรัฐบาลประยุทธ์ แม้จะผ่านพ้นแรงกดดันต่างๆ ไปได้ แต่ก็มีอีกหลายเงื่อนไข ที่อาจก่อให้เกิดจุดเปลี่ยน สปริง สัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงแนวโน้มการเมือง นับจากนี้ โดยอาจารย์ได้วิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะข้อคิดที่ว่า ศรัทธาของประชาชน คืออำนาจที่แท้จริงและยั่งยืน
ปี 2563 นับว่าเป็นปีที่หนักหนาและสาหัสของรัฐบาลประยุทธ์ แม้จะผ่านพ้นแรงกดดันต่างๆ ไปได้ แต่ก็มีอีกหลายเงื่อนไขที่อาจก่อให้เกิดจุดเปลี่ยน
สปริง สัมภาษณ์ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงแนวโน้มการเมืองนับจากนี้ โดยอาจารย์ได้วิเคราะห์ และให้ข้อคิดที่น่าสนใจมากมายดังต่อไปนี้
รศ.สุขุม : ก็คือเชื่ออยู่แล้วว่า หลุด เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญ ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ศาลสถิตยุติธรรม คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่คำพิพากษา แต่เป็นคำวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกา ถือเป็นกฎหมาย แต่คำวินิจฉัย ศาลธรรมนูญ ถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะกรณี เพราะฉะนั้นผมค่อนข้างเชื่อแต่ต้นว่า พ้น มันก็พ้นอย่างที่ว่า แต่แน่นอน การพ้นมันเหมือนกับการย้ำคำว่า 2 มาตรฐาน
รศ.สุขุม : สำหรับผมเนี่ย ผมต้องบอกก่อนนะ ผมไม่เห็นด้วยกับคดีคุณสมัคร ที่ไปลงโทษคุณสมัคร เมื่อคุณสมัครโดนเข้าไป ผมเห็นว่า ไม่เป็นธรรม แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณสมัครโดน แล้วคุณประยุทธ์ต้องโดน
ผมว่าในระยะต้น อย่างของคุณสมัคร อย่างนี้ผิดนะ แต่อย่าทำอีกนะ ไม่ใช่ว่าผิดแล้วต้องเปรี้ยงไปเลย ทั้งที่สิ่งนั้นมันเคยทำได้ในยุคหนึ่ง ใช่ไหม ตอนไม่มีกฎหมายจรรยาบรรณ คุณประยุทธ์ก็เหมือนกัน ผมว่าเรื่องนี้เขาทำกันมา
ไม่เห็นด้วยนะ และเชื่อว่า มันผิดตามที่กฎหมายกำหนดด้วย แต่มันน่าจะบอกว่า โอเค ที่หลังอย่าทำมากกว่า ในความรู้สึกของผม ไม่รุนแรงถึงขนาดว่า แหม คุณปลดผู้นำของประเทศเลย คุณสมัครไปพลาดทำกับข้าว ไปรับค่าพาหนะ ของผู้จัดเข้าเท่านั้น ต้องออกเลย
รศ.สุขุม : ถ้าเป็นความคิดนะ คิดว่ามันน่าจะหนักกว่าเดิม คนที่ไม่พอใจ คนที่คิดว่าการตัดสินครั้งนี้เนี่ย มันไม่มาตรฐาน มันเป็นในลักษณะที่เรียกว่า สืบทอดอำนาจ เพราะฉะนั้นคนไม่พอใจมันเพิ่มขึ้น
แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า ขบวนการที่เคลื่อนไหวในขณะนี้ มันก็มีจุดอ่อนที่ทำให้การขยายตัวค่อนข้างยาก อย่างเช่น ข้อเรียกร้องที่ขึ้นสูงไปถึงสถาบัน เรื่องการปฏิรูป มันทำให้ความรู้สึกของเรานะ คิดว่าคนที่จะออกมาเข้าร่วม ประเด็นประชาธิปไตย มันค่อยข้างจะลังเลเหมือนกัน
รศ.สุขุม : ในความลึกของมัน อาจจะเป็นอย่างที่คุณว่านะ แต่จริงๆ แล้ว ในสภาพที่มันเกิดขึ้นเนี่ย มันก็เหมือนรัฐบาลยอมถอยตอนรับ
คือแรกสุดความคาดหมายของผู้คนคิดว่า รัฐบาลไม่รับเลย หรือว่าวิธียืด ที่เราเรียกว่ายื้อ เช่นกระบวนการที่ว่า อยู่ดีๆ ก็ต้องจะกรรมาธิการขึ้นมาก่อน
คนที่ดูการเมืองจริงๆ อาจเห็นว่า ไม่ถอยเลย แต่ในเวลาเดียวกันในภาพที่มันปรากฏ มันเหมือนถอย อย่างน้อยรับ 2 ร่าง (ญัตติ) นี่ถือว่าถอยระดับหนึ่ง
ต่อมาก็คือ เรื่องที่ว่า 4 ข้อ หรือว่าของไอลอว์ต่างๆ เนี่ย ซึ่งบางคนไม่เข้าใจ หนนี้จะต้องพูดกันให้ชัดนะ มันแก้เพื่อตั้ง ส.ส.ร. ส่วน ส.ส.ร. จะไปแก้อะไร มันขึ้นอยู่กับ ส.ส.ร.
ซึ่งถ้า ส.ส.ร. มาจากเลือกตั้ง แนวแก้มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่ ส.ส.ร.แต่งตั้ง วันนี้ที่มันจะผ่านออกไปได้เนี่ย หลายคนบอกว่า ขอแค่แก้ให้มี ส.ส.ร.ให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งไปพูดแทน ส.ส.ร.ว่าจะแก้อะไรบ้าง
รศ.สุขุม : แค่อาทิตย์หน้า คุณยังไม่รู้เลย คุณจะให้ผมพูดถึงปีหน้านู้น อย่างนั้นคุณต้องไปสัมภาษณ์หมอดูแล้ว เพราะว่าการเมือง บางทีมันเกิดเรื่องขึ้นมาแบบฉุกละหุก แบบที่คาดไม่ถึง มันเป็นไปได้ทั้งนั้น
รศ.สุขุม : คาดเดาได้ แต่มันไม่ยาวนานขนาดนั้น
รศ.สุขุม : ถ้าเร็วๆ นี้ สิ่งที่รัฐบาล ต้องระวังที่สุด คือระวังอย่าให้กองเชียร์ของสองฝ่ายปะทะกัน
รศ.สุขุม : ในระยะนี้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าความคิดในเรื่องยุบสภา ไม่อยู่ในความคิด ของผู้มีอำนาจขณะนี้เลย เพราะสภา ขณะนี้เขาได้เปรียบ ยุบทำไมล่ะ แล้วก็มีวุฒิสภา เป็นเครื่องอุ่นใจว่า ยังไงก็คุมได้
รศ.สุขุม : รัฐบาลต้องสร้างศรัทธา ศรัทธา ก็มีมาได้หลายอย่าง อย่างหนึ่งก็คือ การประพฤติปฏิบัติของตัวเอง จะทำให้คนเชื่อถือศรัทธา เหมือนอย่างคุณเปรม แม้เบื้องต้นมาจากการแต่งตั้ง แต่ตอนหลังมีสภาเลือกตั้ง ก็เลือกท่าน อย่างเนี้ย
นั่นด้วยอะไร ด้วยคุณสมบัติ ความซื่อสัตย์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่าความดี ในเวลาเดียวกันก็ต้องทำให้ประชาชนมีความหวังกับรัฐบาล ต้องยอบรับว่ารัฐบาลทักษิณเนี่ย ที่ทำให้คนศรัทธา เพราะว่าทำนู่น ทำเนี่ยให้คน แม้ว่าจะถูกมองว่า มีการทุจริต คอร์รัปชั่น คนก็ยังเรียกร้อง เห็นไหม