จีนกำลังทำสงครามกับมลพิษ - อินเดียก็ยังแก้ไม่ตกสูงมากที่สุดในโลก

จีนกับมลพิษ

เดือนมีนาคมปี 2014 นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนได้ประกาศ “สงครามต่อต้านมลพิษทางอากาศ” และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายหลี่ได้ประกาศในการประชุมสมัชชาพรรคฯอีกครั้งว่า “จะต้องทำให้ท้องฟ้าของจีนกลับมาเป็นสีฟ้าอีกครั้ง” โดยหนึ่งในมาตรการที่ถือเป็นอาวุธในสงครามนี้ของนายหลี่ก็คือ ลดการผลิตเหล็กและไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน โดยจีนได้หันมาลงทุนในพลังงานลมและแสงอาทิตย์มากขึ้นเพื่อแทนที่ถ่านหินด้วย

เนชั่นนัล จีโอกราฟฟิกระบุว่า ในปัจจุบัน ทางการจีนยังคงจริงจังในการพัฒนาคุณภาพอากาศ และมีความพยายามในหลายระดับ เมืองต่างๆของจีนได้กดดันให้ประชาชนยกเลิกการใช้เตาถ่านและเตาเผาที่บ้าน ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐฯก็ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันดีเซลคุณภาพสูงสำหรับยานพาหนะ โดยมีการกำหนดมาตรการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่ที่เทียบเท่ากับสหรัฯและยุโรป ซึ่งจะบังคับใช้ในปี 2020 ด้วย แต่การแก้ปัญหาหลักก็ยังอยู่ที่อุตสาหกรรมหนัก เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้สั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน 103 โรง และประกาศว่าจะลดการผลิตเหล็กลงอีก 50 ล้านตัน

ขณะที่ ไชนาเรดิโดอินเตอร์เนชันแนล (China Radio International) รายงานว่า คณะรัฐมนตรีจีนได้ประกาศแผนปฏิบัติการป้องกันและกำจัดมลภาวะอากาศ เพื่อขจัดมลพิษร้ายแรงอย่างและปรับปรุงอากาศให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่กรุงปักกิ่งและเมืองใหญ่  มาตรการที่ว่า ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ก่อสร้างต้องหยุดการก่อสร้าง จำกัดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนในกรุงปักกิ่ง ให้วิ่งบนถนนตามข้อกำหนดเลขคู่กับเลขคี่ เพื่อลดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจนและสารอินทรีย์ระเหยง่าย  ให้โรงงานหยุดการผลิต เพื่อลดการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย

สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมือปี 2017 ทางการกรุงปักกิ่งได้จัดตั้งทีมงาน "ตำรวจสิ่งแวดล้อม" เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษหนาทึบ โดยนายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่งระบุว่าต้องกวดขันอย่างจริงจัง ไม่ให้ผู้คนใช้ถ่านหินและระงับการเผาไหม้ที่ทำให้เกิดหมอกควัน เช่น การปิ้งย่างอาหารกลางแจ้ง การเผาขยะ รวมไปถึงการจราจรที่ทำให้เกิดฝุ่นควัน นอกจากนี้ยังประกาศปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งเดียวของกรุงปักกิ่งด้วย และมีมาตรการให้ทยอยเลิกใช้งานรถเก่าราวสามแสนคัน ปิดโรงงานที่ปล่อยมลพิษหลายแห่ง และปรับปรุงโรงงาน 2,000 แห่งให้ได้มาตรฐานการบำบัดมลพิษดีขึ้น

กรุงนิวเดลีของอินเดียมลพิษทางอากาศสูงมากที่สุดในโลก

มาที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย ที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงมากที่สุดในโลก เมื่อเดือนที่ผ่านมา ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในบางพื้นที่สูงถึง 500 อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายมากและระดับฉุกเฉิน

อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ความเร็วลม ประกอบกับควันพิษจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ละอองฝุ่นจากพื้นที่ก่อสร้าง และควันจากการเผาไหม้ขยะ ทำให้มลพิษทางอากาศแย่ขึ้นมากในทางเหนือของประเทศ ซึ่งรวมถึงกรุงนิวเดลีที่มีประชากรราว 20 ล้านคน

เดือนตุลาคมและพฤศจิกายนปี 2017 รัฐบาลอินเดียได้ประกาศใช้มาตรการหลายอย่างหวังลดปัญหามลภาวะทางอากาศ ตั้งแต่ห้ามการก่อสร้างและการเผาขยะเป็นการชั่วคราว ไปจนถึงเพิ่มความเข้มงวดกับโรงงานอุตสาหกรรม อย่างเช่นโรงงานผลิตไฟฟ้าถ่านหิน แต่ปีที่ผ่านมา มีชาวอินเดียเสียชีวิตเพราะอากาศเป็นพิษถึง 1.24 ล้านคน นับเป็นถึง 12.5 เป็นเซ็นต์ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งนักวิชาการจากกรีนพีซระบุว่าแม้ว่าสภาพอากาศจะมีส่วนในวิกฤติครั้งนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามาตรการรัฐที่ประกาศใช้ปีที่ผ่านมานั้นล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจัดอันดับเมืองที่มีปัญหามลภาวะทางอากาศเป็นพิษมากที่สุดในโลกโดยองค์การอนามัยโลก พบว่า 9 ใน 10 เมืองที่อากาศแย่ที่สุดในโลก 10 อันดับแรกนั้นมาจากอินเดีย