ฝรั่งเศสให้ประชาชน ใส่หน้ากาก ที่โรงเรียนและเมื่อใช้ขนส่งสาธารณะ

รัฐบาลฝรั่งเศส ประกาศให้ประชาชนต้อง ใส่หน้ากาก เมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ และที่โรงเรียน ก่อนเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศ ประชาชนต้อง ใส่หน้ากาก เมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ และเมื่ออยู่ในโรงเรียนมัธยม ก่อนที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ 11 พฤษภาคมนี้

นอกจากนี้ นักเรียนอายุระหว่าง 11 – 15 ปี ต้องใส่หน้ากากด้วย แต่นักเรียนระดับชั้นอนุบาลไม่จำเป็นต้องใส่ ยกเว้นว่าเริ่มมีอาการป่วย

ในอีกกว่า 10 วันข้างหน้า ร้านค้าที่อยู่ในกลุ่ม “ไม่จำเป็น” และตลาด จะกลับมาเปิดให้บริการ อย่างไรก็ตาม บาร์และร้านอาหารจะยังคงต้องปิดต่อไป

ร้านที่เปิดบริการ สามารถขอความร่วมมือลูกค้าให้ ใส่หน้ากาก และต้องจัดพื้นที่ให้ทุกคนได้มีระยะห่างกัน 1 เมตร

นอกจากนี้ เมื่อมาตรการเริ่มผ่อนคลาย ชาวฝรั่งเศสจะสามารถออกมานอกบ้านได้โดยไม่ต้องพกหนังสือแสดงความจำนง และสามารถรวมตัวกันได้ไม่เกิน 10 คน และสถานรับเลี้ยงเด็กสามารถเปิดให้บริการได้ แต่สามารถดูแลเด็กได้ครั้งละไม่เกิน 10 คนเท่านั้น

ฝรั่งเศส พบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 166,000 ราย สูงเป็นอันดับ 4 ทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิต 23,660 ราย

นายกรัฐมนตรี เอดัวร์ ฟีลิปป์ ของฝรั่งเศส ระบุว่าการล็อกดาวน์ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้รักษาชีวิตประชาชนได้ราว 62,000 คน แต่ถึงเวลาที่ต้องผ่อนคลายมาตรการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว “เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส” จนกว่าจะมีวัคซีน หรือการรักษาอย่างมีประสิทธิผล

ฟีลิปป์ย้ำว่า ฝรั่งเศสต้องระมัดระวังอย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดระลอกสอง และถ้าเป็นไปได้ ควรต้องทำงานจากบ้าน WFH แม้เริ่มผ่อนคลายมาตรการแล้ว

สำหรับมาตรการรับมือการขาดแคลนหน้ากาก ฟีลิปป์ระบุว่า บริษัทต่างๆ ต้องเตรียมหน้ากากให้พนักงาน และหน้ากากจะมีจำหน่ายบนเวบไซท์ไปรษณีย์ฝรั่งเศส และจะมีการเตรียมหน้ากากแบบซักได้ไว้ให้กลุ่มเสี่ยงสัปดาห์ละ 5 ล้านชิ้น

อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการผ่อนคลายมาตรการวันที่ 11 พฤษภาคม หากจำนวนพบผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันสูงเกิน 3,000 ราย