svasdssvasds

อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุ ทรัมป์ขอให้จีนช่วยให้ชนะเลือกตั้ง 2020

อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุ ทรัมป์ขอให้จีนช่วยให้ชนะเลือกตั้ง 2020

อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เผยแพร่หนังสือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยทรัมป์ และพฤติกรรมของของผู้นำในทำเนียบขาว

จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ด้านความมั่นคง ได้เผยแพร่หนังสือความยาว 577 หน้า “The Room Where It Happened: A White House Memoir” เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยทรัมป์ และพฤติกรรมของทรัมป์ในทำเนียบขาว

ทุกอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า ระหว่างที่ทรัมป์พบกับผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในเดือนมิถุนายนปี 2019 ที่เมืองโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น ทรัมป์กล่าวกับสีว่า พรรคเดโมแครตเป็นปรปักษ์กับจีน จากนั้นทรัมป์เปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดี และได้ขอให้จีนช่วยให้เขาได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง

โบลตันรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้กับทรัมป์เป็นเวลา 17 เดือน ระบุว่าการตัดสินใจส่วนใหญ่ของทรัมป์ถูกขับเคลื่อนด้วยการคำนวนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ โรเบิร์ต ไลท์ทิเซอร์ ระบุว่า เขาอยู่ในการประชุมระหว่างทรัมป์และสีครั้งนั้นเช่นกัน แต่เขาไม่เคยได้ยินทรัมป์ร้องขอให้สี “ซื้อผลิตภัณฑ์การเกษตรมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับเลือกตั้ง”

ไลท์ทิเซอร์กล่าวว่า สิ่งที่โบลตันเขียนนั้นไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดขึ้น และเขาไม่คิดว่าจริง

การตรวจสอบหนังสือก่อนถูกเผยแพร่

ทำเนียบขาวได้พยายามหยุดการเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ โดยวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อชะลอการเผยแพร่ อ้างว่าหนังสือมีเนื้อหาข้อมูลที่เป็นความลับ และต้องผ่านการตรวจสอบโดยคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ทำการตรวจทานหนังสือแล้วพบว่าไม่มีข้อมูลที่เป็นความลับ

โบลตันกล่าวว่า เพราะต้องผ่านการตรวจสอบ เขาจึงต้องเปลี่ยนต้นฉบับหลายอย่างเพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ “แต่ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริง” ที่ต้องการจะเล่า และเขาได้ถูกขอให้เติมคำว่า “ในมุมมองของผม” เพื่อให้ชัดเจนว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นของเขา แทนที่จะเป็นเรื่องข้อมูลที่อ่อนไหว

นอกจากนี้ โบลตันระบุว่า เขาถูกขอให้ตัดคำพูดจากบทสนทนาระหว่างทรัมป์กับผู้นำประเทศต่างๆ และตัวเขาเองกับผู้นำประเทศต่างๆ

ศักยภาพทีมบริหารและพฤติกรรมทรัมป์

โบลตันวิพากษ์วิจารณ์คณะทำงานอาวุโสและทรัมป์ ระบุว่าเป็นเรื่องหน้าประหลาดใจที่ยังดำเนินการทำเนียบขาวได้ ยังไม่ต้องพูดถึงรัฐบาลกลาง ทรัมป์จะรับฟังรายงายข่าวกรองเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และส่วนมาก “ทรัมป์เองจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าคนที่มารายงานเสียอีก และมักเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังพูดถึง”

หนังสือยังเล่าว่า ทรัมป์คิดว่าประเทศฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทรัมป์ไม่รู้ว่าสหราชอาณาจักรเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ และเรียกนักข่าวว่า “scumbags” (ถุงขยะ) ที่ควรถูก “ประหารชีวิต”

โบลตันเล่าในหนังสือว่า เขาได้แสดงความกังวลกับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม วิลเลียม บาร์ เรื่องบทสนทนาของทรัมป์กับผู้นำชาติต่างๆ พร้อมทั้งได้คุยเรื่องนี้กับรัฐทนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ ด้วย

ธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนว่า การขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเป็นวิถีชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้” โบลตันเขียนในหนังสือ

โบลตันเขียนว่า ระหว่างอาหารมื้อเย็นที่โอซากะ ในการประชุมจี20 ซึ่งนอกจากผู้นำประเทศแล้ว จะมีเพียงล่ามเท่านั้น ล่ามเล่าให้บอลตันฟังว่า สี จิ้นผิง ได้อธิบายให้ทรัมป์ฟังถึงเหตุผลที่เขาต้องสร้างค่ายกักกันชาวอุยกูร์ในซินเจียง ทรัมป์เองก็ตอบกลับว่า สีก็ควรเดินหน้าต่อ และทรัมป์คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

แต่ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้รายงาน คาดว่ามีชาวอุยกูร์ และชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ถึง 1 ล้านคนที่ถูกควบคุมตัวโดยรัฐบาลจีนในค่ายกักกัน และมีรายงานว่าพวกเขาถูกทรมาน ถูกทำร้ายทางร่างกาย ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกบังคับให้ทำงานหนัก และมีถึงที่เสียชีวิต

ทรัมป์ กับผู้นำเผด็จการ

โบลตันได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐฯ ระบุว่าประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียคิดว่าตัวเองสามารถครอบงำชักจูงทรัมป์ได้

“ผมคิดว่าปูตินฉลาดและแข็งแกร่ง ผมคิดว่าเขาเห็นว่าไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับคู่ปรปักษ์ที่จริงจัง ผมไม่คิดว่าเขามีความกังวลเรื่อง โดนัลด์ ทรัมป์” โบลตันกล่าว

หนังสือยังระบุว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ก็สามารถชักจูงทรัมป์ได้เช่นกัน เขาอธิบายว่าเขาไม่เห็นด้วยกับวิธีที่ทรัมป์เข้าถึงเกาหลีเหนืออย่างมาก ทั้งระหว่างการประชุมสุดยอดที่สิงคโปร์ระหว่างทรัมป์และคิม และหลังจบการประชุม โบลตันระบุว่าการประชุมเกิดขึ้นเพราะเกาหลีใต้ และเป็นเรื่อง “การรวมชาติเกาหลี” มากกว่ายุทธศาสตร์ที่จะดึงคิมมาเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก

ความเห็นจากทำเนียบขาว

สำนักข่าวเอพีระบุว่า ทำเนียบขาวไม่ได้มีปฎิกิริยาเมื่อขอความเห็นเกี่ยวกับหนังสือของโบลตัน ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว เคลีห์ แมคเอนานี ระบุว่า หนังสือ “เต็มไปด้วยข้อมูลลับ ที่ให้อภัยไม่ได้”

ขณะที่วันพุธที่ผ่านมา ทรัมป์ พูดถึงบอลตันว่าเป็น “คนขี้โกหก” และ “ทุกคนในทำเนียบขาวเกลียด จอห์น โบลตัน”

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น ฟ๊อกซ์นิวส์ ระบุว่า โบลตันได้เปิดเผยข้อมูลที่ลับมาก และบอลตันยังไม่ได้รับอนุญาต

related