หมอใหญ่สหรัฐฯ เตือน โควิดกลายพันธุ์ในบราซิลอาจรุนแรงกว่า

ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ และหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดี กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า P.1 ที่ระบุครั้งแรกในบราซิล และพบเจอในรัฐมินนิโซตาจากคนที่เพิ่งเดินทางกลับจากบราซิลอาจกลายเป็น "ตัวละครหลักหน้าใหม่"

"ถ้ามันมีความสามารถในการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มันอาจจะโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราต้องรอดู" เฟาซี กล่าว

นอกจากนี้ เฟาซี กล่าวว่า พวกเขาให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับตัวแปรใหม่นี้รวมถึงสายพันธุ์ที่เพิ่งพบในแคลิฟอร์เนีย

"จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เรายังไม่มีการเฝ้าระวังจีโนมที่ครอบคลุม ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) กำลังให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลในการทำงานร่วมกัน อันที่จริงแล้วควรทำงานร่วมกันกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health: NIH) ซึ่งจะทำให้เกิดการทำงานที่ไหลเวียนในประเทศของเรา" หมอใหญ่ กล่าว

วัคซีนเทียบกับการกลายพันธุ์: "วัคซีนปัจจุบันสำหรับโควิด-19 ที่กำลังได้รับการฉีดวัคซีนมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิผลเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ใหม่" เฟาซี กล่าว

"ข่าวดีก็คือวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้ยังคงมีผลกับการกลายพันธุ์ เมื่อคุณได้จำลองรูปแบบมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจะได้รับวิวัฒนาการของการกลายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้อง ก้าวไปข้างหน้า" เฟาซี กล่าว

ผอ.โรคภูมิแพ้ กล่าวว่า แอนติบอดีที่เกิดจากวัคซีน "โมเดอร์นา" และ "ไฟเซอร์" ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการสกัดกั้นโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร และหลักฐานยังบ่งชี้ว่าวัคซีนจะป้องกันผู้คนจากการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และบราซิล

"ถ้าต้องจัดการไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้และบราซิล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เราไม่ได้ใส่ใจสายพันธุ์บราซิลเท่าที่ใส่ใจกับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ แต่ผลของวัคซีนก็ยังอยู่ในช่วงที่ดี ถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่" เฟาซี กล่าว

นอกจากนี้ หมอใหญ่ยังกล่าวเสริมว่า การเฝ้าระวังจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถอยู่เหนือการกลายพันธุ์ของไวรัสได้