เมือง Work-Life Balance ที่ดีที่สุด 10 อันดับแรก ทวีปยุโรปกวาดเรียบ ไทย รั้งอันดับที่ 96 จากคะแนนรวม 100 เมืองทั่วโลก พบว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองอันดับ 7 ที่ประชากรทำงานหนักมากกว่า 48 ชั่วโมง
ดัชนี Work–Life Balance ปี 2022 จาก Kisi ผู้ให้บริการระบบควบคุมและรักษาความปลอดภัยการใช้งานคลาวด์ ในอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ต่างๆ ได้ทำการจัดอันดับ 100 เมืองทั่วโลก โดยใช้เกณฑ์วัดผลเมืองที่มีความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับประสบการณ์การทำงานที่ดี เรียงจากลำดับสูงสุดไปต่ำสุด ซึ่งทำให้ได้ออกมาเป็นผลเมืองที่ทำงานที่สุดและน้อยที่สุดทั่วโลก โดยคัดเลือก 51 เมืองในสหรัฐฯ และ 49 เมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทั่วโลก เก็บรวบรวมข้อมูลจากองก์กรระหว่างประเทศ รายงานของ NGO และการสำรวจแบบเปิดเป็นสาธารณะ
โดยใช้ปัจจัยในการให้คะแนนแบ่งออกเป็น 3 หมวด 19 หัวข้อ ประกอบด้วย
ความเข้มข้นในการทำงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาพสังคมและสถาบันต่างๆ
ความน่าอยู่ของเมือง
10 อันดับแรกของเมืองที่มี Work-Life Balance ดีที่สุดประจำปี 2022 ประกอบด้วย
ส่วนในหัวข้อเมืองที่มีชั่วโมงการทำงานล่วงเวลามากที่สุด 10 อันดับแรกคือ
ทั้งนี้ในปี 2021 การจัดอันดับ Work–Life Balance ที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 49 จากทั้งหมด 50 อันดับ ส่วนในปี 2022 อันดับร่วงลงมาอยู่ที่ 96 จากทั้งหมด 100 เมืองทั่วโลก ซึ่งถ้าดูจากคะแนนรายข้อแล้วหลายๆ เรื่อง พบว่าเมืองหลวงของไทย กรุงเทพฯ คะแนนทั้งในเรื่องจำนวนชั่วโมงการทำงาน วันหยุดพักผ่อนตามสิทธิ อัตราการว่างงาน ผลกระทบจากโควิด-19 ความปลอดภัยในเมือง และคุณภาพอากาศ เกาะกลุ่มอยู่รั้งท้ายในเกือบทุกด้าน
โดยมีกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลย์เซีย อีกหนึ่งประเทศใน SEA กอดคอตามกันมาอยู่ในอันดับคะแนนรวมที่ 98 จากในปี 2021 อยู่ที่อันดับที่ 50 ของประเทศที่มี Work–Life Balance ต่ำที่สุด
จะสังเกตได้ว่าเมืองที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของตารางนั้นทั้งหมดมาจากทวีปยุโรป โดย 3 ใน 10 อันดับแรก มาจาก สวิตเซอร์แลนด์ โดยมี โตเกียว ของ ญี่ปุ่นเป็นตัวแทนหมู่บ้านของทวีปเอเชียที่เบียดเข้าไปอยู่ในอันดับที่ 14
ที่มา