วิกฤตน้ำในเมืองท้องถิ่นของสหรัฐฯ จุดกระแสกังวลเหยียดผิวทางสิ่งแวดล้อม

สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ระบุว่าประชาชนในเมืองแจ็กสันเป็นคนผิวดำมากกว่าร้อยละ 80 โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา โรงบำบัดน้ำเสียหลักของคนกลุ่มนี้ทำงานขัดข้องหลังเกิดน้ำท่วม ส่งผลให้พวกเขาไม่มีน้ำสะอาดเพื่อใช้ดื่ม อาบน้ำ หรือทำอาหาร

ปัญหาน้ำสะอาดครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากระบบการจัดการน้ำของเมืองไม่ผ่านมาตรฐานของการตรวจสอบจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบน้ำดื่มมีโอกาสเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียหรือพยาธิอันตราย และท่อน้ำที่เย็นจัดจนแตกร้าวในช่วงพายุฤดูหนาวเมื่อปีก่อนส่งผลให้ประชาชนใช้ชีวิตโดยไม่มีน้ำใช้เป็นเวลาเกือบ 1 เดือน

เนื้อหาที่น่าสนใจ : 

• แล้งหนัก! จีนใช้เทคโนโลยี ‘ฝนเทียม’ สู้ภัยแล้งในหลายภูมิภาคของประเทศ

• ฮังการีเผชิญฤดูร้อนรุนแรงที่สุดในรอบ 121 ปี ผลพวง Climate Change

• ผู้เชี่ยวชาญ เตือน กรุงเทพฯ เสี่ยงน้ำท่วม ช่วงตุลาคม 2565

กลุ่มนักเคลื่อนไหวมองว่าวิกฤตข้างต้นเป็นผลพวงจากปัญหาเรื้อรังหลายสิบปี โดยเว็บไซต์ข่าวแจ็กสัน ฟรี เพรส ระบุว่าแจ็กสันกลายเป็นเมืองที่มีประชากรเป็นคนผิวดำส่วนใหญ่ในช่วงหลายปีหลังถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯซึ่งกลุ่มประชากรผิวขาวลดลงจากร้อยละ 52 อยู่ที่ร้อยละ 43 ตลอดช่วงทศวรรษ 1980 ส่วนอีก 35,000 คน เดินทางออกจากเมืองในช่วงทศวรรษ 1990

อบรี คอนเนอร์ ผู้อำนวยการด้านความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ สังกัดสมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสีแห่งชาติ ระบุว่าวิกฤตเมืองแจ็กสันเป็นส่วนหนึ่งของการที่กลุ่มคนผิวดำถูกลดความสำคัญในด้านการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างความแข็งแกร่งภายในชุมชน

Cr. www.xinhuathai.com