svasdssvasds

ลัดเลาะดูเมือง “มาบตาพุด” ในวันที่กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

ลัดเลาะดูเมือง “มาบตาพุด” ในวันที่กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ "Eco Industrial Town" มีความหมายว่า เมืองที่มีการเจริญเติบโตโดยมีอุตสาหกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องปกป้องสิ่งแวดล้อม อาทิ รีไซเคิลขยะ พลังงานสะอาด มลพิษ มาดูกันว่า มาบตาพุด สามารถทำได้หรือยัง และทำอย่างไร?

ถามกันตรง ๆ เลยว่าเวลานึกถึง “มาบตาพุด” คุณนึกถึงอะไร...? ทะเล ชุมชน มลพิษ หรือโรงงานอุตสาหกรรม

แต่ดูเหมือนว่าภาพจำมาบตาพุดอาจผูกโยงอยู่กับข้อหลังมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากเมืองแห่งนี้คือแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัดระยอง หรืออาจพูดได้ว่าของประเทศไทย

ด้วยเหตุฉะนี้ กรมลดโลกร้อนจึงร่วมมือกับเมืองมาบตาพุดพัฒนาเมือง สิ่งแวดล้อม ชุมชน รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และบริบทเมืองอุตสาหกรรมได้อย่างปลอดภัย

นายพิรุณ สัยยะ สิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมลดโลกร้อนได้ดำเนินการส่งเสริมและร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

และการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.)

ซึ่งพื้นที่จังหวัดระยองเป็นเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะเทศบาลเมืองมาบตาพุดที่มีการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างสมดุล

จนได้รับ “รางวัลเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับเงิน” ปี 2566 อีกทั้งมีเครือข่าย ทสม. ตำบลวังหว้า จังหวัดระยอง เครือข่ายชุมชนที่ดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมด้านการจัดขยะ ที่เป็นต้นเหตุหนึ่งภาวะโลกเดือด ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา

แถมยังสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชน จนได้รับรางวัลเครือข่าย ทสม.ดีเด่นระดับภาค ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ในปี 2562 และสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

ทางด้านของ นายถวิล โพธิบัวทอง นายกเทศบาลเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง เปิดเผยว่าเทศบาลเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง มีแผนพัฒนาท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมตามแผนยุทธศาสตร์ของเทศบาลด้านที่ 4

ลัดเลาะดูเมือง “มาบตาพุด” ในวันที่กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

การจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรม พัฒนา ป้องกัน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควบคู่คุณภาพชีวิตของประชาชน มีศูนย์บริการสาธารณสุขที่เป็นความร่วมมือระหว่างเทศบาลเมืองมาบตาพุดและภาคอุตสาหกรรม 7 แห่ง

SPRiNG ชวนไปลัดเลาะดูต่อดีกว่าว่าเมือง "มาบตาพุด" มีวิธีดูแลสิ่งแวดล้อมยังไง?

ป้องกันมลพิษ

มลพิษกับเมืองอุตสาหกรรมเป็นของคู่กันเหมือนส้อมคู่กับช้อน แต่สิ่งที่ต้องถกเถียงกันคือเราจะทำอย่างไรถึงจะควบคุม ตรวจวัด และป้องกันมลพิษเหล่านั้นได้เพื่อการันตีลมหายใจสะอาดให้กับประชาชน มาตรการที่เมืองมาบตาพุด มีดังนี้

  • ส่งรถตรวจวัดคุณพาดอากาศ กระจายไป 4 จุดทั่วเมือง
  • มีเว็บไซต์เพื่อบอกคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์
  • มีสถานีตรวจวัดอากาศ และบริเวณหน้าสถานีจะมีตัวเลขคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ให้เช็กได้ทันที
  • รถทุกคันถูกจับตรวจควันดำเพื่อปรับปรุงให้อยู่ในค่ามาตรฐาน

จัดการขยะ (ให้อยู่หมัดตั้งแต่ต้นทาง)

ที่นี่มีการทำธนาคารขยะ หรือ Recycle Waste Bank กล่าวคือมีการจัดการขยะอย่างถูกวิธี คัดแยกขยะแต่ละประเภทอย่างละเอียด และส่งไปรีไซเคิล ทำให้ในปี 2566 เมืองมาบตาพุดสามารถรีไซเคิลขยะ 20,996 กิโลกรัม ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 52,710 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

และเมื่อพูดถึงการจัดการขยะ ชื่อของ “ชุมชนวังหว้า” จะผุดขึ้นมาทันที ชุมชนนี้ตั้งอยู่ที่ ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ชุมชนวังหว้าถูกเรียกขานว่าเป็นชุมชนต้นแบบด้านการจัดการขยะ

ลัดเลาะดูเมือง “มาบตาพุด” ในวันที่กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

ทีมข่าว SPRiNG มีโอกาสได้ลงพื้นที่ร่วมรับฟังการบรรยายของ สายัณห์ รุ่งเรือง รองประธานชุมชนบ้านเอื้ออาทรวังหว้าจังหวัดระยอง เกี่ยวกับวิธีการจัดการขยะภายในชุมชน โดยสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้

  • ลูกบ้านทุกคนต้องแยกขยะกันตั้งแต่ต้นทาง
  • รถขยะจากเทศบาลเมืองแกลงเข้าเก็บอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
  • เมื่อก่อนลงเก็บขยะ 3 คน ปัจจุบันใช้แค่ 2 คน และใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
  • มีโครงการธนาคารขยะ ขยะแต่ละชิ้นสามารถนำมาแลกเป็นสินค้าใช้ภายในครัวเรือนได้
  • แปลงขยะเป็นทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนคนละ 200 บาท
  • จ้างงานผู้สูงอายุ หรือผู้ไม่มีรายได้ผลิตสินค้าจากพลาสติกรีไซเคิลภายในชุมชน

ลัดเลาะดูเมือง “มาบตาพุด” ในวันที่กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

สายัณห์ รุ่งเรือง เปิดเผยว่าตนย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2555 ณ เวลานั้นหันไปทางไหนก็เจอแต่ขยะ น้ำขยะไหลนองส่งกลิ่นเหม็นเน่า เป็นชุมชนที่ไม่น่าอยู่ หลังจากนั้นจึงชักชวนเพื่อนบ้านให้เริ่มจัดการขยะ

สายัณห์ รุ่งเรือง รองประธานชุมชนบ้านเอื้ออาทรวังหว้าจังหวัดระยอง

ซึ่งช่วงแรกผู้คนยังไม่ให้ความร่วมมือ แต่ปัจจุบันทุกคนมองการจัดการขยะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เนื่องจากช่วยให้สิ่งแวดล้อมดี คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน นี่จึงเป็นเหตุผลให้ “วังหว้า” ได้รับรางวัลมากมาย และคู่ควรได้รับกับคำว่า “ชุมชนต้นแบบ”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related