ซีพี แอ็กซ์ตร้า ผนึกกำลังรัฐบาล ปักธงเป้าหมาย ขยะอาหารต้องเป็นศูนย์ ภายในปี 2573

ซีพี แอ็กซ์ตร้า ผนึกกำลังรัฐบาลไทย ปักธงเป้าหมาย ขยะอาหารต้องเป็นศูนย์  ภายในปี 2573

เวทีเสวนา “THAILAND ZERO FOOD WASTE FORUM 2025”  ฉายภาพความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนชั้นนำของไทยในลด "ขยะอาหาร" (Food Waste) ให้น้อยลง เพราะนี่คือปัญหาระดับชาติที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยมี บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เป็นหัวแถวของภาคเอกชน ประกาศเป้าหมายชัดเจนในการนำพาองค์กรสู่การเป็น Zero Food Waste  ภายในปี พ.ศ. 2573

นี่คือ วิสัยทัศน์ นโยบาย และแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมจากฟันเฟืองสำคัญในเวทีครั้งนี้ เพื่อฉายภาพอนาคตของประเทศไทยในการต่อสู้กับวิกฤตขยะอาหาร

วิสัยทัศน์จากผู้นำเครือซีพี: "ขยะอาหารคือวิกฤตและโอกาส" 

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ฉายภาพรวมของปัญหาในระดับมหภาคไว้อย่างน่าสนใจ เขาระบุว่า ขยะอาหารคือปัญหาใหญ่ระดับโลกที่สร้างก๊าซเรือนกระจกเกือบ 8% โดย 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก หรือราว 1,050 ล้านตันต่อปี กลายเป็นขยะ สำหรับประเทศไทยมีปริมาณขยะอาหารสูงถึง 6 ล้านตันต่อปี เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน

หัวใจสำคัญในมุมมองของคุณศุภชัยคือ การเปลี่ยนผ่านกรอบความคิดที่มองว่าขยะอาหารเป็นเพียงของเหลือทิ้ง ไปสู่การมองว่าเป็น "โอกาสทางเศรษฐกิจ" เขาเน้นย้ำว่า นวัตกรรมจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหา โดย เครือซีพีได้ตั้งเป้าหมายลดขยะอาหารให้ได้ 5,480 ตันต่อปี ผ่านแนวทางที่หลากหลายและสร้างมูลค่าเพิ่มได้จริง เช่น:

• แปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์
• บริจาคเป็นอาหารสัตว์ ให้แก่กรมอุทยานฯ และหน่วยงานทหาร
• ส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบาง ผ่านมูลนิธิต่างๆ
• เพาะเลี้ยงแมลงโปรตีน (BSF) เพื่อเป็นอาหารสัตว์คุณภาพสูง
• ผลิตเป็นพลังงานทดแทน เช่น ไบโอดีเซล และแก๊สชีวภาพ

ศุภชัย เจียรวนนท์ ทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง "ถ้าเอกชนจับมือกัน เราจะลดขยะได้อย่างมีนัยยะสำคัญ" ซึ่งเวทีในครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของการรวมพลังดังกล่าว
 

นโยบายภาครัฐที่จับต้องได้: "จากขอความร่วมมือ สู่กลไกภาคบังคับ" 

ด้านภาครัฐ  สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ประกาศนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล โดยชี้ว่าปัญหาขยะอาหารเป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากก่อให้เกิดก๊าซมีเทนที่รุนแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า

แนวทางของกระทรวงฯ ภายใต้นโยบายของคุณสุชาติ มีความน่าสนใจใน 3 มิติหลัก:

นโยบายเร่งด่วน (ระยะสั้น): สั่งการให้ อุทยานแห่งชาติทุกแห่ง เป็นพื้นที่นำร่องที่ต้องจัดการขยะอาหารให้เป็นศูนย์ (Zero Food Waste) ภายใน 4 เดือน ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ท้าทายและวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม

กลไกภาคบังคับ (ระยะกลาง): กระทรวงฯ กำลังพิจารณาใช้มาตรการทางกฎหมาย โดยอาจผนวกเรื่องการจัดการขยะอาหารเข้าไปในเงื่อนไขการขออนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับภาคเอกชนขนาดใหญ่ เช่น โรงงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม เพื่อเปลี่ยนจาก "การขอความร่วมมือ" ไปสู่ "ข้อบังคับ"

การขับเคลื่อนสู่ท้องถิ่นและเยาวชน (ระยะยาว): ผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งดูแลตลาดสดต่างๆ เข้ามามีบทบาทนำในการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง พร้อมทั้งปลูกฝังจิตสำนึกผ่านการจัดค่ายเยาวชน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการบริโภคอย่างยั่งยืนสู่คนรุ่นต่อไป

สุชาติ ชมกลิ่น ย้ำว่า "หน้าที่ของรัฐบาลคือการแก้ปัญหาความวิตกกังวลของประชาชน และเป้าหมายสุดท้ายคือประชาชนต้องได้รับประโยชน์"

ซีพี แอ็กซ์ตร้า: ต้นแบบการลงมือทำจริงตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ขณะที่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CP AXTRA ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก แม็คโคร-โลตัส  โดย นางศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร ได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการลงมือปฏิบัติที่ชัดเจนภายใต้โครงการ "ลดทิ้ง สร้างค่า AXTRA Zero Waste" ด้วยแนวคิด ขยะเป็นศูนย์ ประโยชน์เป็นแสน สร้างคุณค่าและเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่ถูกนำไปใช้จริงในทุกสาขาของแม็คโครและโลตัส

แนวทางของซีพี แอ็กซ์ตร้า ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ

ต้นน้ำ: ทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อวางแผนการเพาะปลูกและพัฒนาระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียตั้งแต่แหล่งผลิต

กลางน้ำ: บริหารจัดการสต็อกสินค้าในสาขาด้วยระบบอัตโนมัติ และใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยืดอายุสินค้า เพื่อลดขยะให้ได้มากที่สุด

ปลายน้ำ: นำขยะอาหารที่เกิดขึ้นไปสร้างประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการเปลี่ยนเป็นอาหารสำหรับ แมลงโปรตีน BSF (Black Soldier Fly) ซึ่งช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ได้อย่างมหาศาล

ความสำเร็จของโครงการนี้สะท้อนผ่านตัวเลขที่จับต้องได้ โดยสามารถลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบได้แล้วกว่า 10,000 ตัน (จากเป้าหมาย 15,000 ตัน) และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกลับคืนสู่ชุมชนได้กว่า 76 ล้านบาท

นางศิริพรกล่าวปิดท้ายว่า "เราเชื่อมั่นว่า การจัดการขยะอาหารอย่างเป็นระบบ ไม่เพียงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คน"

การเสวนาในครั้งนี้ นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของทุกภาคส่วนในการผนึกกำลังเพื่อเปลี่ยน "ความท้าทาย" ของปัญหาขยะอาหารให้กลายเป็น "โอกาส" ในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทยอย่างแท้จริง