เอเชียตะวันออกกลายเป็น “ฮอตสปอตไต้ฝุ่นโลก” หลังน้ำทะเลอุ่นขึ้น
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลายเป็นแหล่งผลิตพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงและบ่อยที่สุดในโลก เมื่อน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นคือเชื้อเพลิงหลักที่ทำให้เกิดพายุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
SHORT CUT
- อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เอเชียตะวันออกกลายเป็นแหล่งกำเนิดไต้ฝุ่นที่ทรงพลัง โดยพายุมีความถี่และความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
- น้ำทะเลอุ่นเป็นเชื้อเพลิงให้พายุสามารถทวีกำลังรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วและก่อตัวใกล้ชายฝั่งมากขึ้น ส่งผลให้มีเวลาในการเตรียมรับมือน้อยลง
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลายเป็นแหล่งผลิตพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงและบ่อยที่สุดในโลก เมื่อน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นคือเชื้อเพลิงหลักที่ทำให้เกิดพายุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศระบุว่า อุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก กำลังผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออก กลายเป็น “แหล่งกำเนิดไต้ฝุ่นที่ทรงพลัง” ของโลก ส่งผลให้หลายพื้นที่ในเอเชียแปซิฟิกอย่าง ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาะกวม ต้องเผชิญความเสี่ยงพายุหนักมากขึ้นทั้งในด้านความถี่และความรุนแรง
'น้ำทะเลอุ่น' คือเชื้อเพลิงหลักของพายุ
ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า น้ำทะเลที่อุ่นขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความชื้นในบรรยากาศมากขึ้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ทำให้พายุหมุนเขตร้อนสามารถพัฒนาเป็น "ไต้ฝุ่นกำลังแรง" ได้อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า “การทวีกำลังแบบฉับพลัน” (rapid intensification) ซึ่งเป็นหนึ่งในพฤติกรรมพายุที่น่ากังวลที่สุดในยุคโลกร้อน
นอกจากจำนวนพายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแล้ว พวกเขายังพบว่า มีพายุที่ก่อตัวใกล้ชายฝั่งมากขึ้น ทำให้มีระยะเวลาสำหรับการเตือนภัยและเตรียมรับมือที่สั้นลง เพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐานในเมืองชายฝั่งของภูมิภาค
ภาพความเสียหายจากพายุในปีนี้ สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งเผชิญกับการพัดถล่มของ 'ไต้ฝุ่นคัลแมกี' ซึ่งนับเป็นพายุลูกที่ 20 ที่คุกคามประเทศในปีนี้ สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานอย่างรุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญคาดด้วยว่า หากอุณหภูมิโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พายุไต้ฝุ่นเหล่านี้อาจรุนแรงยิ่งขึ้นอีกในทศวรรษต่อไป ทำให้แปซิฟิกตะวันตกยังคงเป็น “จุดเสี่ยงด้านสภาพอากาศ” ที่โลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
