ถ้าโลกไร้ไฟฟ้าจะเกิดอะไร? ภาพจำลองที่ถูกฉายผ่าน Survival Family

ไฟฟ้าก็ไม่มี อาหารก็เริ่มเน่าเสีย เงินก็เริ่มกลายเป็นสิ่งไร้ค่า กูเกิลแมพก็ไม่มี หรือแม้แต่การโทรหาตำรวจหรือคนที่รักก็เป็นเรื่องยาก นี่แหละปัญหาใหญ่ของโลกยุคใหม่ กับวิกฤตพลังงานที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นี่คือหนึ่งบทเรียนล้ำค่าที่ทุกรัฐควรเตรียมแผนรับมือล่วงหน้า

ไฟดับครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้คนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ เกิดความโกลาหลเป็นวงกว้าง ผู้คนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และโลกภายนอกก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ ที่แห่งนั้น

แม้ว่าวันนี้ไฟฟ้าจะกลับมาเกือบ 100% แล้ว แต่ทางการก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนักว่า สาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้ไฟฟ้าดับไปนานหลายชั่วโมงเช่นนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ นี่คือบทเรียนชั้นดีของสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน

การที่จู่ ๆ ผู้คนตกสู่ความมืดมิด ทำให้สังคมกลับไปใช้ชีวิตกันแบบ Back to Basic ชั่วคราว เหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงภาพยนต์เรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นที่วันหนึ่งไฟทั้งเมืองก็ดับปริศนา และไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าไฟจะมาเมื่อไหร่ (ซึ่งบอกเลยนานกว่าที่สเปนและโปรตุเกสแน่นอน)

แน่นอนว่าไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เราทุกคนใช้ไฟฟ้าในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ถ้าวันหนึ่ง ในยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแล้ว แต่ทันใดนั้นก็ขาดไฟฟ้าอันแสนล้ำค่าเหล่านั้นไปจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันถูกจำลองไว้หมดแล้วกับภาพยนต์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเรื่องว่า Survival Family ที่บทความนี้เราจะมาเล่าเรื่องย่อให้อ่านกัน

Survival Family เป็นภาพจำลองที่ชัดเจนว่า หากวันนึงโลกไร้ไฟฟ้าขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น แล้วมนุษย์จะเป็นอย่างไร เป็นผลงานของ ชินโงะ นากาชิมะ ฉายเมื่อปี 2017 เป็นภาพยนต์แนวดราม่า คอมเมดี้ เอาตัวรอด

Survival Family เป็นการเล่าเรื่องของครอบครัวซูซิกิ ครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีพ่อ แม่ ลูกชายและลูกสาว ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในโตเกียว เมืองที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี เดิมที สมาชิกครอบครัวต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ของตนเอง ยุ่งจนไม่มีเวลาใส่ใจซึ่งกันและกัน จนมาวันหนึ่ง ไฟฟ้าก็ดับทั้งเมืองอย่างปริศนา ตอนแรกคนในสังคมรวมถึงครอบครัวซูซูกิเองก็ไม่ตกใจอะไรมาก เพราะคิดว่าเดี๋ยวไฟก็คงกลับมาในไม่ช้า จึงทำกิจวัตรกันไปตามปกติ

แต่ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง หลายวัน นานไปจนถึงหลายสัปดาห์ ไฟก็ไม่มีทีท่าจะกลับมา โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ รถราก็วิ่งไม่ได้ รถไฟหยุดวิ่ง ตู้ ATM ก็พัง เมืองทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาต อาหารในร้านค้าหมด น้ำเริ่มหายาก ความวุ่นวายค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาหลาย ๆ ด้าน และหลายคนเลือกที่จะหนีออกจากเมือง แต่จะไปไหนได้ล่ะ กูเกิลแมพก็ไม่มี!

เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหล เงินไม่มีค่าอีกต่อไป ผู้คนต้องการอาหารเพื่อประทังชีวิต ครอบครัวซูซูกิเองก็ลำบาก จึงตัดสินใจว่าจะกลับไปบ้านที่ชนบท เพื่อใช้ชีวิตมั่นคงกว่านี้ ดีกว่ารอคอยไฟฟ้าอย่างที่ไม่มีทีท่าจะกลับมาเลย แล้วจะไปยังไงล่ะ ก็จักรยานไง โดยใช้แผนที่กระดาษนำทาง

นี่จึงเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยของครอบครัวซูซูกิ เพื่อกลับไปพึ่งพาทรัพยากรของคุณตาที่อาศัยในต่างจังหวัด ระหว่างทาง พวกเขาได้พบกับผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งคนดีและไม่ดี เห็นความหิวกระหาย ความโลภ น้ำใจ และมิตรภาพ ลำบากถึงขนาดที่ว่าผู้คนเข้าไปจับปลาในอะควาเรียมกิน

ซึ่งท่ามกลางความยากลำบากนี้เอง ครองครัวซูซูกิ ก็เริ่มเรียนรู้ไปด้วยว่า การสื่อสาร ความเข้าใจ และการพึ่งพากันและกัน มีค่ามากแค่ไหน พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากคนแปลกหน้าภายใต้ชายคาเดียวกัน สู่ครอบครัวที่รักกันแน่นแฟ้นมากขึ้น และก็นำไปสู่ความคิดที่ว่า ชีวิตเราอยู่รอดได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากนักหรอก แค่มีกันและกัน เพียงพอเพื่ออยู่รอด เท่านี้ก็เกินพอแล้ว

Survival Family ไม่ใช่แค่หนังเอาตัวรอด แต่ให้แง่คิดแฝงสะท้อนมุมมองของพฤติกรรมมนุษย์ในปัจจุบันด้วย ที่กำลังหลงลืม พื้นฐาน ของการมีชีวิตอยู่ร่วมกัน บางทีเทคโนโลยีก็ทำให้ความคิด อารมณ์ พฤติกรรมของคนเราเปลี่ยนแปลงไปและทำให้ห่างเหินกันมากขึ้น กลายเป็นคนแปลกหน้า และหากเกิดวิกฤตแบบนี้ น้ำใจและความเอื้อเฟื้อคือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

รวมไปถึงปัญหาระดับโครงสร้าง ที่ปัจจุบน มนุษย์ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาล ผลิตพลังงานจากธรรมชาติ ถลุงธรรมชาติมาแต่ก็ปล่อยให้ไฟไหลออกไปอย่างไร้ประโยชน์ หากเราไม่หาวิธีป้องกันและรับมือ รวมถึงเตรียมความพร้อมของตัวเองยามเกิดเหตุฉุกเฉินเช่นนี้ ก็จะทำให้ตกอยู่ในอันตรายได้เหมือนครอบครัวซูซูกิ