รายงานเผย องค์กรการกุศลเพื่อสัตว์ป่าอย่าง WWF มีส่วนช่วยสนับสนุนการแสวงหาประโยชน์จากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จำนวนเล็กน้อยเพื่อวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจ เช่น การล่าสัตว์เพื่อเป็นรางวัล
รายงานที่มาจากการสืบสวนยาวนาน 2 ปี เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล WWF ซึ่งเป็นองค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มีการเปิดระดมทุนเพื่อช่วยเหลือสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ได้มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการค้าขนหมีขั้วโลกข้ามประเทศ
ขณะที่หมีขั้วโลกเป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการสูญเสียน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก ซึ่งทำให้การล่าเหยื่อยากขึ้นและบังคับให้หมีต้องใช้พลังงานมากขึ้น หลายครั้งที่พวกมั้นแสดงออกถึงอาการของสภาพร่างกายที่เสื่อมโทรม มีลูกน้อยลง และตายตั้งแต่ยังเด็ก
แม้ว่าหมีขั้วโลกจะใกล้สูญพันธุ์ แต่แคนาดาก็ยังคงเป็รประเทศเดียวที่ยังคงอนุญาตล่าเพื่อการค้า ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ยังคงอนุญาตให้ล่าได้ แม้ว่าจะถูกห้ามโดยรัสเซีย กรีนแลนด์ สหรัฐฯ และนอร์เวย์หนังหมีขั้วโลกจะถูกส่งออกเฉลี่ยปีละ 301–270 ชิ้น โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีน ซึ่งหนังทั้งตัวขายได้ในราคาเฉลี่ย 60,000 ดอลลาร์ และมักใช้ทำเสื้อผ้าหรูหราหรือทำพรม
ปัจจุบันคาดว่ามีหมีขั้วโลกเหลืออยู่ในแคนาดาประมาณ 22,000 ถึง 31,000 ตัวซึ่งหมายความว่าการค้าหมีขั้วโลกเป็นสาเหตุการตายของหมีขั้วโลกในประเทศประมาณ 1-2% ทุกปี
WWF ได้ออกแถลงการณ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับจุดยืนของตนเกี่ยวกับการล่าสัตว์เพื่อสะสมถ้วยรางวัลและการค้างาช้างโดยระบุว่า พวกเขาจะไม่คัดค้านโครงการล่าสัตว์ที่ไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และหากสัตว์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้อง โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การอนุรักษ์และจัดการที่พิสูจน์แล้ว ซึ่งมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ มีการจัดการอย่างเหมาะสม และบังคับใช้อย่างเคร่งครัด โดยรายได้และผลประโยชน์จะกลับคืนสู่การอนุรักษ์และชุมชนท้องถิ่น โดยหากในอนาคตประชากรหมีขั้วโลกลดน้อยลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย และ/หรือหากการค้าระหว่างประเทศก่อให้เกิดภัยคุกคามที่ร้ายแรงขึ้น เราคงจะต้องพิจารณาประเด็นเรื่องการขึ้นบัญชีอีกครั้ง แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น