รายงานจาก NOAA คาดการณ์ว่าจะมีพายุที่ตั้งชื่อไว้ราว 13-19 ลูก เกิดขึ้นในช่วงฤดูพายุเฮอริเคนของมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่เดือน มิ.ย. - พ.ย.
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NOAA มีรายงานการคาดการณ์ว่าฤดูพายุเฮอริเคนที่มหาสมุทรแอตแลนติกในปีนี้ จะมีพายุที่ตั้งชื่อไว้แล้วก่อตัวขึ้นประมาณ 13 ถึง 19 ลูก ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ย แต่ไม่น่าจะเป็นพายุในระดับที่รุนแรงเท่ากับปี 2024
เคน เกรแฮม ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของ NOAA กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า จะมีพายุ 6-10 ลูกที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นเฮอริเคน ซึ่งหมายความว่าพายุเหล่านี้จะมีความเร็วลมอย่างน้อย 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจมี 3-5 ลูกที่เป็นเฮอริเคนระดับ 3 มีความเร็วลมอย่างน้อย 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์พยากรณ์ฯ บอกว่า แม้การเกิดพายุเฮอริเคน 6 ลูกนั้นถือเป็นจำนวนที่น่าเหลือเชื่อ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ที่ผิดพลาดเพียง 2 ครั้ง คือในเดือนพฤษภาคมของปี 2017 และ 2020 โดยทั้งสองปีนั้น มีพายุเฮอริเคนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ขณะที่การเตรียมพร้อมรับมือพายุเหล่านี้ยิ่งยากมากขึ้น หลังกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติและ NOAA ได้สูญเสียพนักงานหลายร้อยคน ทั้งจากการเกษียณอายุ และถูกเลิกจ้างในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแผนริเริ่มของรัฐบาลทรัมป์ในการลดขนาดพนักงานของรัฐบาลกลาง และกำหนดให้ลดจำนวนพนักงานลง
ผู้คนจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในในพื้นที่เสี่ยงต่อพายุเฮอริเคนยิ่งตั้งคำถามว่าพวกเขาจะผ่านพ้นฤดูกาลนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร เมื่อกลไกภัยพิบัติของรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ยังขาดวิ่น
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนมีความกังวลว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจคล้ายกับฤดูกาลปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่มีพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ อิร์มา และมาเรีย ในปีนั้น ฤดูกาลดังกล่าวถึงขีดจำกัดสูงสุดของการคาดการณ์โดยมีพายุที่ตั้งชื่อไว้ 17 ลูกจากการคาดการณ์ 11 ถึง 17 ลูก ซึ่งพายุเหล่านี้กลายเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่มากกว่าที่นักพยากรณ์อากาศคาดไว้ในตอนแรก