SHORT CUT
พาสำรวจ ‘แหล่งน้ำคุณภาพไทย’ พบเสื่อมโทรม 38% กรมควบคุมมลพิษ เร่งบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบ แก้ปัญหาลดเดือดร้อนให้ประชาชน
ปัญหาน้ำเสียในประเทศไทยปี 2568 ยังเป็นหนึ่งในประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ โดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน สาเหตุหลักของน้ำเสียในปี 2568 เช่นชุมชนและครัวเรือนการระบายน้ำทิ้งจากบ้านเรือนที่ไม่มีระบบบำบัด ครัวเรือนในเขตเมืองขยายตัว แต่ระบบบำบัดน้ำเสียไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีภาคอุตสาหกรรม โรงงานบางแห่งระบายน้ำเสียลงแม่น้ำ ลำคลอง โดยไม่ผ่านการบำบัดอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ขาดระบบบำบัดหรือมีแต่ไม่ได้มาตรฐาน
ส่วนภาคเกษตรกรรม มีการใช้สารเคมี ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ทำให้เกิดน้ำปนเปื้อนไหลลงแม่น้ำ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ กรมควบคุมมลพิษ และรายงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้รายงาน สถานการณ์น้ำเสีย (อ้างอิงจากรายงานปี 2567–2568) ระบุว่า ไทยมีแหล่งน้ำคุณภาพเสื่อมโทรมประมาณ 38% ของแม่น้ำและคลองหลักทั้งหมดในประเทศ แหล่งน้ำที่เสื่อมคุณภาพรุนแรง เช่น คลองแสนแสบ (กรุงเทพฯ) คลองสำโรง (สมุทรปราการ) แม่น้ำท่าจีน , บางปะกง เป็นต้น
สำหรับผลกระทบจากน้ำเสียมีมากมาย เช่น ผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม: ระบบนิเวศในแม่น้ำและคลองเสียหาย ปลาและสัตว์น้ำตาย ผลกระทบสุขภาพมนุษย์: น้ำปนเปื้อนเชื้อโรค ส่งผลต่อโรคทางเดินอาหาร ผิวหนัง และน้ำใช้ในชีวิตประจำวัน และผลกระทบด้านเศรษฐกิจ: ค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำสูงขึ้น กระทบภาคเกษตรและอุตสาหกรรมประมง
ปัญหาน้ำเสียได้เป็นปัญหาระดับชาติไปแล้วในตอนนี้ จึงมีความพยายามในการแก้ไขปัญหา เช่น นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า โดยที่เจ้าหน้าที่สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ ปฏิบัติงานในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ ในการควบคุมมลพิษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
นางสาวปรีญาพรฯ กล่าวว่า เพื่อเสริมบทบาทในเชิงรุกในการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษได้อย่างทั่วถึง คพ. ได้จัดอบรมเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และเตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ คพ.
นางสาวปรีญาพรฯ ได้เน้นย้ำการบูรณาการการปฏิบัติงานให้มีความถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เป็นไปตามแนวทางการทำงานเดียวกันอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขอให้มีการสื่อสารสร้างการรับรู้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามกฎหมายได้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กล้าลองไหม เบียร์จากน้ำเสียในห้องน้ำ เสิร์ฟจริง-ดื่มจริง ที่ COP29
ไทยปรับ “มาตรฐานปล่อยน้ำเสีย” ใหม่คุมเข้มโรงงาน 68 ประเภท-บ่อสัตว์น้ำจืด