svasdssvasds

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง กำลังทำให้ 77 ตำบลของไทยหายไปจากแผนที่

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง กำลังทำให้ 77 ตำบลของไทยหายไปจากแผนที่

ข้อมูลจาก GISTDA เผย ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง กำลังทำให้ 77 ตำบลของไทยหายไป แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยฟื้นฟูให้ชายหาดไทยในอีก 241 ตำบลฟื้นคืนมาด้วย

คลื่นทะเลซัดสาดเข้าฝั่งสม่ำเสมอในทุก ๆ วัน แต่ใครเล่าจะรู้ ว่าคลื่นนี้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับชายฝั่งไทย

ข้อมูลจาก GISTDA ได้เผยเส้นเฝ้าระวังชายฝั่ง (Coastal Monitoring Line: CM. Line) ที่ใช้การแปลตีความจากข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม ร่วมกับการสำรวจข้อมูลภาคสนาม และตรวจสอบความถูกต้องโดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยมีการสำรวจว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2562-2567) ชายฝั่งไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง กำลังทำให้ 77 ตำบลของไทยหายไปจากแผนที่

จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์ออกมา โดยแบ่งเป็นดังนี้

พื้นที่ที่ถอยร่น หรือ หายไป

มีหลายพื้นที่ในไทยเผชิญหน้ากับการกัดเซาะชายฝั่ง จนชายหาดค่อย ๆ หายไป รวมแล้วกว่า 77 ตำบล ทั่วประเทศ โดย 5 ตำบลที่ชายฝั่งหายไปมากที่สุด ได้แก่ 

  1. ตำบลบางตาวา อำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี
  2. ตำบลปากทะเล อำเภอบ้านแหลม จ.เพชรบุรี
  3. ตำบลไม้แก่น อำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานี
  4. ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
  5. ตำบลปากน้ำ อำเภอหลังสวน จ.ชุมพร

พื้นที่ที่ฟื้นคืน

ในขณะที่คลื่นฝั่งหนึ่งกำลังพังทลายชายหาด แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ช่วยฟื้นฟูชายหาดไปด้วย โดยมีปัจจัยหลักคือการทับถมของตะกอนดินที่มากขึ้น จนชายหาดกลับมา ซึ่งมีพื้นที่ที่ชายฝั่งเพิ่มขึ้น 241 ตำบล โดยตำบลที่มีแนวชายฝั่งเพิ่มมากที่สุด ได้แก่

1.ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จ.ปัตตานี

2.ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช

3.ตำบลแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

4.ตำบลบางทราย อำเภอเมือง จ.ชลบุรี

5.ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

โดยภาพรวมทั้งประเทศ เมื่อรวมผลการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด พบว่าประเทศไทยได้พื้นที่ชายฝั่งเพิ่มขึ้นราว 8,500 ไร่ ในรอบ 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่ามีการฟื้นตัวมากกว่าการสูญเสีย

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง กำลังทำให้ 77 ตำบลของไทยหายไปจากแผนที่

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงบอกเล่าการเคลื่อนไหวของคลื่นและตะกอน แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนว่ามนุษย์จำเป็นต้องร่วมมือกับธรรมชาติ โดยเฉพาะในยุคของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ระดับน้ำทะเลและคลื่นพายุมีความรุนแรงมากขึ้น

กระบวนการอนุรักษ์และการจัดการชายฝั่งอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะชายหาดไม่เพียงทำหน้าที่เป็นกันชนธรรมชาติ แต่ยังทำหน้าที่ปกป้องชุมชนจากคลื่นและพายุ ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพบนชายฝั่ง และในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสำคัญให้กับคนท้องถิ่น

related