SHORT CUT
การประเมินระดับโลกครั้งแรกพบว่าระบบนิเวศป่าชายเลนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก มีความเสี่ยงที่จะพังทลายภายในปี 2593
การประเมินป่าชายเลนระดับโลกครั้งแรกของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยใช้ 'บัญชีแดงของระบบนิเวศ' ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกในการวัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ พบว่า ระบบนิเวศป่าชายเลนที่ได้รับการประเมินร้อยละ 50 มีความเสี่ยงที่จะพังทลาย (จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ใกล้สูญพันธุ์ หรือใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง*)
หลายปีที่ผ่านมาป่าชายเลนทั่วโลกต้องถูกคุกคามทั้งจากการตัดไม้ทำลายป่า การพัฒนาเมือง มลพิษ และการสร้างเขื่อน แต่ปัจจุบันความเสี่ยงต่อระบบนิเวศเหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นจากอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และความถี่ของพายุรุนแรงที่เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
ดร. เกรเธล อากีลาร์ ผู้อำนวยการใหญ่ IUCN กล่าวว่า การประเมินระบบนิเวศป่าชายเลนระดับโลกครั้งแรกนี้ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการอนุรักษ์ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของประชากรหลายล้านคนในชุมชนที่เปราะบางทั่วโลก ผลการประเมินนี้จะช่วยเตือนให้ทุกฝ่ายหันกลับมาทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูและปกป้องป่าชายเลนที่เรายังคงหลงเหลืออยู่
นอกจากจะช่วยกักเก็บคาร์บอนแล้ว ป่าชายเลนยังเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อมนุษย์มากกว่าที่หลายคนคิด ทั้งเป็นแนวต้านพายุและน้ำที่ช่วยลดความเสียหายจากภัยพิบัติชายฝั่ง และช่วยปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญต่ออาชีพการประมง การสูญเสียทรัพยากรเหล่านี้ถือเป็นหายนะต่อธรรมชาติและผู้คนทั่วโลก นั่นคือเหตุผลที่การประเมินครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ข้อมูลจากการประเมินยังคาดการร์ด้วยว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในปี 2593 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะส่งผลให้เกิดหายนะดังนี้
ขณะเดียวกันการหันกลับมาบำรุงรักษาระบบนิเวศป่าชายเลนทั่วโลก หากทำสำเร็จก็จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะป่าชายเลนที่มีสุขภาพดีจะสามารถรับมือกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงได้ดีขึ้น และยังให้การปกป้องแผ่นดินจากผลกระทบของพายุเฮอริเคน ไต้ฝุ่น และพายุไซโคลนอีกด้วย