สิ่งแวดล้อมรับเคราะห์ ทรัมป์เร่งขุดแร่ใต้ทะเลเพื่อตอบโต้จีน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการทรัพยากรธรรมชาติของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯได้เริ่มการพิจารณากระบวนการออกใบอนุญาต และรวบรวมทุนสำหรับทำเหมืองทรัพยากรจากพื้นทะเล หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินหน้าสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและแร่ธาตุ โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมหรือนโยบายต่างประเทศ

ด้าน ส.ส. พอล โกซาร์ จากรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะอนุกรรมการด้านพลังงานและแร่ธาตุ กล่าวสนับสนุนนโยบายดังกล่าวว่า “รัฐบาลทรัมป์ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อปลดปล่อยทรัพยากรธรรมชาติของอเมริกาและฟื้นฟูค่าพลังงานและแร่ธาตุของประเทศ เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้คู้แข่งอย่าง จีน พึงพอใจได้มากกว่าความก้าวหน้าที่เชื่องช้าของสหรัฐฯ“

บรรดาผู้บริหารอุตสาหกรรมเหมืองแร่ก็ชื่นชมทรัมป์ ที่กำลังจะทำให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในการแข่งขันกับจีน ซึ่งจะเพิ่มอัตราการจ้างงานและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่พวกเขาคาดว่าจะได้รับด้วย

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ นักสิ่งแวดล้อม และสมาชิกพรรคเดโมแครต พยายามต่อต้านนโยบายดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการดำเนินงานขุดเจาะใต้ทะเลในระดับความลึก 13,000 ฟุตหรือมากกว่านั้น อาจเป็นกานลงทุนที่ไม่คุ้มค่า และทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

พวกเขายังเตือนด้วยว่า การโต้แย้งทางเศรษฐกิจนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา การตอบโต้กลับครั้งนี้ความเสี่ยงทางการเงินมีมหาศาล และผลกระทบต่อระบบนิเวศ การประมง ชุมชนพื้นเมือง และสภาพอากาศในท้องถิ่นของเรามีมากเกินกว่าจะละเลยได้

นับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งในสมัยที่สองเมื่อ 100 วันก่อน ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมการสกัดแร่ธาตุ ได้พยายามกดดันยูเครนให้ส่งมอบแร่ธาตุหายากมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อตอบแทนสำหรับความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ 

นอกจากนี้เขายังพยายามยึดครองกรีนแลนด์ โดยหวังจะครอบครองแหล่งแร่สำคัญอย่าง สังกะสี ตะกั่ว ทองคำ ธาตุหายาก ทองแดง และน้ำมันจำนวนมหาศาล และยังได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถทำเหมืองใต้ท้องทะเลลึกได้ง่ายขึ้นด้วย