SHORT CUT
ทูตสวีเดน ประสานเสียง ธนาคารโลก หนุนไทยลุยเศรษฐกิจสีเขียว ชี้รองบประมาณรัฐอย่างเดียวไม่พอสู่.. Net Zero แนะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้ำ
สวีเดน ประสานเสียง ธนาคารโลก หนุนไทยลุยเศรษฐกิจสีเขียว ชี้รองบประมาณรัฐอย่างเดียวไม่พอสู่.. Net Zero แนะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้ำ
หลายประเทศกำลังเดินเครื่องอย่างหนักเพื่อให้ประเทศของตัวเองไปสู่เป้าหมาย Net Zero ประเทศไทยก็เช่นกัน บนเวทีงานสัมมนาใหญ่ "Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action" ของ “เนชั่นกรุ๊ป” โดย ฐานเศรษฐกิจ มีหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ ปาฐกถาพิเศษ จาก นางอันนา แฮมมาร์เกรน (Anna Hammargren) เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ "Sweden's Green Action เปลี่ยนเพื่อยั่งยืน"
โดย ‘อันนา’ ย้ำถึงความเร่งด่วนและความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงบทบาทนำของสวีเดนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนในระดับโลก นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความร่วมมืออันยาวนานระหว่างสวีเดนและประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสีเขียว ทั้งสองประเทศต่างมุ่งมั่นที่จะมีบทบาทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก และเวที "Sweden-Thailand Sustainable Development Forum" ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก็เป็นช่องทางสำคัญที่ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจจากทั้งสองประเทศได้พบปะและขับเคลื่อนการพัฒนาสีเขียวร่วมกัน
ทั้งนี้มีบริษัทสวีเดนหลายแห่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสีเขียวของประเทศไทย เช่น Midsummer ผู้เชี่ยวชาญด้านแผงโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบาง และ Candela ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้า โดยสวีเดนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความยั่งยืนไม่ได้ขัดแย้งกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของสวีเดนเติบโตขึ้น 98% ตั้งแต่ปี 1990 (ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น World Bank และ CEIC ระบุว่า Real GDP ของสวีเดนเติบโตขึ้นเกือบ 100% ตั้งแต่ปี 1990 ถึงช่วงปี 2022) ในขณะที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 30% ซึ่งเป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม กฎระเบียบ ภาษีคาร์บอน และนโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง
ต่อมา คือ “เมลิสสา กู๊ด” ผู้อํานวยการธนาคารโลก ประจำประเทศไทยและเมียนมา กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Sustainable Urban Solutions: Cities of the Future (แนวทางแก้ไขปัญหาเมืองอย่างยั่งยืน: เมืองแห่งอนาคต) โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเมืองในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะเมืองเป็นมากกว่าอาคาร ถนน และระบบขนส่ง แต่คือระบบสิ่งมีชีวิตที่เป็นศูนย์รวมของผู้คน ความพยายาม และความฝัน และหากเราสามารถทำให้เมืองดำเนินไปอย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และอนาคต
โดยเขาแนะนำแนวคิด Transit-Oriented Development (TOD) มีเป้าหมายที่จะนำผู้คนให้ใกล้ชิดกับโอกาสมากขึ้น สร้างชุมชนที่มีชีวิตชีวาและเดินได้ และที่สำคัญคือช่วยลดการใช้รถยนต์และการเดินทาง เมืองต่างๆ เช่น ขอนแก่น และพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ เริ่มนำแนวคิด TOD มาใช้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ พร้อมกันนี้คาดการณ์ว่า TOD สามารถระดมการลงทุนภาคเอกชนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวได้สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หากมีการปรับกฎระเบียบที่ดินและการจัดเก็บมูลค่าเพิ่ม
ขณะเดียวกันเขา ชี้ว่า เมืองต่างๆทั่วประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม โดยมีการสูญเสียน้ำมากถึง 40% จากโครงสร้างพื้นฐานที่เก่าแก่และการรั่วไหล อย่างไรก็ตามก็มีตัวอย่างความสำเร็จ เช่น จังหวัดนครสวรรค์ ที่สามารถรวมระบบน้ำประปาที่ปลอดภัยเข้ากับการบำบัดน้ำเสีย ทำให้ใจกลางเมืองได้รับการฟื้นฟูและเป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถรวมตัวกันได้อย่างน่ารัก
ดังนั้นเขาจึงแนะนำไทยว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน้ำมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่น่าดึงดูด และได้ยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใน เมืองเซาเปาโล ประเทศโปรตุเกส ที่ช่วยลดการสูญเสียน้ำได้ 40% ผ่านการตรวจจับการรั่วไหล และเมืองแฝดดิจิทัลในอิสตันบูล ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและพลังงาน
นอกจากนี้ยังพาไปดูโมเดลโซลูชันที่อาศัยธรรมชาติ (Nature-Based Solutions - NBS) เช่น การฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่ง สามารถลดความเสี่ยงน้ำท่วม ลดความร้อนในเมือง ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ และมักมีต้นทุนต่ำกว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม ตัวอย่างจากทั่วโลก ได้แก่ "เมืองฟองน้ำ" ของจีน ในส่วนในประเทศไทยการฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งจะช่วยเพิ่มทั้งการป้องกันน้ำท่วมและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและภาคประมงที่สร้างรายได้ประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
อย่างไรก็ตาม เธอยังมองอีกว่า การที่ประเทศไทยจะไปสู่เป้าหมาย Net Zero งบประมาณของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ธนาคารโลกกำลังร่วมมือกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการคลัง ในโครงการ "เมืองคาร์บอนต่ำและการพัฒนาตลาดคาร์บอน" ซึ่งจะช่วยให้เมืองไทยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างแพลตฟอร์มในการวัดผล การรวบรวม และการสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตสำหรับตลาดระหว่างประเทศและในประเทศ
เส้นทางประเทศไทยจะไปสู่เป้าหมาย Net Zero จะต้องผ่านความร่วมมือจากภาครัฐ และเอกชน รวมถึงได้รับความช่วยเหลือจากสวีเดน-World Bank ด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยเร่งเดินหน้าพันธกิจด้าน "ความยั่งยืน" นำประเทศสู่…เป้าหมาย Net Zero 2065
เปิดประตูสู่อนาคต กับงานสัมมนา Road to Net zero : The Extraordinary Green
1ปี "กรมลดโลกร้อน" ลุยภารกิจพิชิตโลกเดือด หนุนไทยสู่ Net Zero